เมื่อเวลา 21.00 น.ของวันที่ 5 พ.ค.2559 ร.ต.อ.สยาม สวนอินทร์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ได้รับแจ้งว่า มีเหตุพลุระเบิดและมีคนเสียชีวิตจำนวนมาก ที่บริเวณบ้านไม่มีเลขที่ หมู่ 7 ต.พลับพลาไชย จึงรุดไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพฑูรย์ อยู่เพนียด ผกก.อู่ทอง พ.อ.กุญชภัสช์ หาญสมบูรณ์ เสนาธิการ มทบ.17 กองกำลังรักษาความสงบภายใน สุพรรณบุรี พ.ต.ท.วิรัตน์ เพชรทอง รอง ผกก.สส.หน่วยกู้ภัยจักนารายณ์อู่ทอง หน่วยกู้ภัยเสมอกันสุพรรณบุรี และหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน ร.พ.ศูนย์เจ้าพระยายมราช ระดมกำลังกว่า 50 นาย รุดไปยังที่เกิดเหตุ พบว่าพื้นที่ดังกล่าวราบเป็นหน้ากองจากแรงระเบิด มีเศษวัสดุบ้าน เช่น สังกระสี เศษปูน เศษเหล็ก และชิ้นส่วนต่างๆ ของมนุษย์ รวมถึงปลอกลูกพลาสติกขนาดเท่าลูกปิงปอง กระจัดกระจายไปทั่ว โดยสภาพบ้านหลังเกิดเหตุเหลือเพียงเสาปูน 6 ต้นที่ตั้งอยู่ ส่วนข้างฝาบ้านและหลังคากระเด็นกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ
ทางกองพิสูจน์หลักฐานสุพรรณบุรีและหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) สุพรรณบุรี จึงได้เข้าทำการตรวจสอบและเก็บวัตถุพยานต่างๆ ไว้ทำการตรวจสอบ ซึ่งจากการตรวจสอบศพผู้เสียชีวิต ทั้งสิ้น 6 ศพ เป็นชาย 2 ศพ หญิง 4 ศพ จากการสอบสวนชาวบ้านในละแวกที่เกิดเหตุ เล่าว่า ระเบิดลูกแรกระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวมากและมีประะกายไฟออกมาเป็นระยะ จากนั้นก็มีเสียงระเบิดตามมาอีกเป็นระยะ นานประมาณ 5 นาที เสียงจึงสงบลง เมื่อเข้าไปดูก็พบว่าโรงงานทำพลุดังกล่าวราบเป็นหน้ากอง ไม่เหลือแม้แต่ซาก
ด้าน พ.อ.กุญชภัสร์ หาญสมบูรณ์ เสนาธิการ กกล.รส.มทบ.17 เปิดเผยว่า จากเหตุระเบิดครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่รุนแรงที่สุด เพราะมีคนตายจำนวนมาก มาตรการต่อไปนี้ ก็คงจะต้องตรวจเข้มโรงงานพลุ ที่มีใบอนุญาติและไม่มี โดยเฉพาะอย่างหลังนี้ ต้องจับและส่งดำเนินคดีสถานเดียว ส่วนโรงงานพลุที่มีใบอนุญาตก็จะต้องตรวจสอบอย่างเข้มข้นว่าถูกต้องไหม มีการกักตุนมากกว่าที่ทำเรื่องขอมาหรือไม่และมีมาตราการในการป้องกันอย่างไร ซึ่งตอนนี้ก็มีเป้าหมายหลายที่แล้วในเขตจังหวัดสุพรรณบุรี
