“ศาลปกครอง”….สั่ง”ผู้ว่าฯ-ผอ.เขตปทุมวัน”รื้อ!! “โรงแรมเอดิทัส” หากยื้อรื้อล่าช้าเจอปรับ..ชงเรื่อง”นายกฯ”ฟันวินัย

0
1425
  ศาลปกครองสั่งบังคับคดีให้ผู้ว่าฯ กทม.-ผอ.เขตปทุมวัน รื้อถอน รร.เอดิทัส ซ.ร่วมฤดี ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดโดยเร็ว ชี้ 1 ปี 8 เดือนยังปฏิบัติไม่ครบถ้วน เตือนหากล่าช้าอีกเจอปรับ พร้อมรายงานนายกฯ ลงโทษทางวินัย ด้านทนายเล็งยื่นฟ้องคดีอาญาหากประวิงเวลารื้อ ขีดเส้นตายใช้เวลาไม่เกินปี

วันนี้ (30 ก.ย.) ศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ใช้อำนาจตามมาตรา 42 และ 43 ของ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร 2522 ที่กำหนดว่าให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารดำเนินการรื้อถอนอาคารนั้นทั้งหมด หรือบางส่วนได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่ต้องไม่น้อยกว่า 30 วัน โดยให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด หากเจ้าของอาคารไม่ดำเนินการฯ ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นร้องต่อศาลให้จับกุมเจ้าของอาคาร และดำเนินการรื้อถอนอาคารดังกล่าวโดยเจ้าของอาคารต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนทั้งหมด การดำเนินการกับอาคารโรงแรมดิเอทัส และอาคารเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ดิเอทัส เรสซิเด้นซ์ ของบริษัท ลาภประทาน จำกัด และบริษัท ทับทิมทร จำกัด ที่ตั้งอยู่ภายในซอยร่วมฤดี เขตปทุมวัน โดยเร็วนับแต่วันที่ทราบคำสั่งศาล

ทั้งนี้ คดีดังกล่าว นพ.สงคราม ทรัพย์เจริญ นายขวัญแก้ว วัชโรทัย พร้อมชาวบ้านในซอยร่วมฤดีรวม 24 ราย ยื่นฟ้อง ผอ.เขตปทุมวัน ผู้ว่าฯ กทม. กรณีปล่อยให้สองบริษัทก่อสร้างอาคารโรงแรมและที่พักอาศัยขนาดใหญ่พิเศษความสูงเกิน 23 เมตร โดยไม่ชอบด้วยกฎกระทรวงฉบับที่ 33 ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร 2522 ที่กำหนดว่าการก่อสร้างอาคารขนาดความสูงดังกล่าวจะทำไม่ได้ในพื้นที่ที่มีเขตถนนซอยกว้างน้อยกว่า 10 เมตร ซึ่งศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2557 ให้ ผอ.เขตปทุมวัน และผู้ว่าฯ กทม.ดำเนินการแก้ไขแต่ตลอด 1 ปี 8 เดือน กลับไม่มีการดำเนินการให้ครบถ้วนตามคำพิพากษา นพ.สงครามกับพวกจึงได้มายื่นคำร้องเมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมาขอให้ศาลมีคำสั่งบังคับคดี

โดยคำสั่งบังคับคดีดังกล่าวศาลระบุว่า แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่า ผอ.เขตปทุมวันจะมีคำสั่งตามมาตรา 40 และมาตรา 41 พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร 2522 ให้ระงับการก่อสร้าง และห้ามใช้อาคารดังกล่าว ซึ่งถือว่าได้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลฯแล้วแต่ยังไม่ถูกต้องครบถ้วน และปฏิบัติล่าช้า โดยอ้างว่าเนื่องจากบริษัทเจ้าของอาคารอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคารจึงต้องรอผลการอุทธรณ์ก่อน ศาลเห็นว่า แม้เป็นความจริงว่าบริษัทเจ้าของอาคารมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้ตามกฎหมาย แต่ต้องเป็นกรณีที่คำสั่งนั้นริเริ่มโดย ผอ.ปทุมวัน หรือผู้ว่าฯ กทม.เองไม่ใช่เป็นคำสั่งที่ ผอ.เขตปทุมวัน หรือผู้ว่าฯ กทม.จะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่มีผลผูกพันให้คู่กรณีในคดีต้องปฏิบัติตาม แต่การปฏิบัติของ ผอ.ปทุมวันและผูู้ว่าฯ กทม. ก็ยังไม่ถือว่าจงใจที่จะไม่ปฏิบัติตามคำบังคับของศาล หรือประวิงให้การบังคับตามคำพิพากษาล่าช้า จึงยังไม่สมควรที่ศาลจะสั่งปรับหรือแจ้งต่อผู้บังคับบัญชาหรือนายกรัฐมนตรี เพื่อดำเนินการลงโทษทางวินัย

ส่วนที่บริษัทเจ้าของอาคาร ได้ยื่นฟ้อง ผอ.เขตปทุมวัน และผู้ว่าฯ กทม.ว่าไม่ดำเนินการเรียกคืนและรักษาเขตทางสาธารณประโยชน์จากผู้รุกล้ำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยอ้างว่ามีหลักฐานใหม่และศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ศาลปกครองกลางรับคำฟ้องไว้พิจารณาดังนั้นผลการพิจารณาดคีดอาจมีการเปลี่ยนแปลงและเป็นเหตุให้ต้องยุติการบังคับคดี ศาลก็เห็นว่า ข้ออ้างดังกล่าวเป็นการคาดเดาเหตุการณ์ในข้อเท็จจริงที่ยังไม่เป็นที่ยุติของบริษัทเจ้าของอาคารเท่านั้น ไม่อาจโต้แย้งคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดที่ถือเป็นที่สุดแล้วและได้ข้อยุติว่าความกว้างของถนนในซอยร่วมฤดีกว้างน้อยกว่า 10 เมตร ดังนั้น คำขอทุเลาของบริษัทเจ้าของอาคารที่จะให้ระงับการบังคับคดีไว้ก่อนจึงไม่อาจฟังได้

นอกจากนี้ คำสั่งของศาลยังระบุด้วยว่าให้สำนักบังคับคดีปกครอง สำนักงานศาลปกครองใช้อำนาจดำเนินการศาลปกครองสั่งผู้ว่าฯ-ผอ.เขตปทุมวันรื้อ รร.เอดิทัส ล่าช้าเจอปรับ-ชงนายกฯ ฟันวินัยบังคับคดีนี้ให้เป็นไปตามคำบังคับของศาลปกครองอย่างเคร่งครัด รายงานผลให้ศาลทราบทุกระยะจนกว่าจะได้มีการปฏิบัติให้เป็นไปตามบังคับของศาลปกครอง หาก ผอ.เขตปทุมวัน และผู้ว่าฯ กทม.ไม่ปฏิบัติตามคำบังคับดังกล่าวของศาลให้ครบถ้วน หรือล่าช้าเกินสมควร ศาลอาจสั่งไต่สวนเพื่อมีคำสั่งปรับครั้งละ 50,000 บาท ตามมาตรา 75/4 พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดี 2542 และรายงานผู้บังคับบัญชาหรือนายกฯให้ลงโทษทางวินัย

ด้านนายเฉลิมพงษ์ กลับดี ทนายความผู้รับมอบอำนาจ กล่าวว่า ก็จะรอดูการปฎิบัติตามคำสั่งศาลฯ ของ ผอ.เขตปทุมวัน และผู้ว่าฯ กทม. เข้าใจว่าการรื้อถอนอาคารขนาดใหญ่ต้องใช้เวลา แต่คงไม่ต้องถึงกลับใช้เวลาเป็นปี เพราะถ้าช้าขนาดนั้นผู้ร้องก็คงทนไม่ไหวเหมือนกัน คงต้องร้องศาลปกครองไต่สวน และฟ้องเป็นคดีอาญาฐานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อย่างไรก็ตาม การรื้ออาคารดังกล่าวให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด คือ ต้องรื้อถอนในส่วนที่สูงเกินกว่า 23 เมตรจากพื้นดิน หรือ 8 ชั้น และเหลือพื้นที่ใช้สอยไม่เกิน 1 หมื่นตารางเมตร จากตัวอาคาร รร.เอดิทัสที่สูง 24 ชั้น และอาคารเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ดิเอทัส เรสซิเด้นซ์สูง 18 ชั้น

ทาง”นางมรกต สนิทธางกูร” ผอ.เขตปทุมวัน กล่าวเรื่องนี้ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดของคำสั่งศาล ต้องรอจนท.คัดคำสั่งศาลมาพิจารณาก่อน

728x90

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.