ปิดคดี!! แพะ…..เบ๊ะ เบ๊ะ “ป้าบังอร” พ้นมลทิน “ฆาตรกร” ตัวจริง ทหารหิ้วปีกส่ง”ตำรวจ”

0
651

 จากกรณี “นางบังอร คำพวง”

อายุ 51 ปี พร้อม”นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์” ทนายความ เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม หลัง นางบังอร ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 307/57 ลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2557 ในคดี “นายสุทน วงศ์วิริยะ” อายุ 45 ปี ถูกคนร้ายทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต บริเวณ ถ.กำแพงเพชร 6 แขวงและเขตจตุจักร กรุงเทพฯ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2557 เวลาประมาณ 23.00 น. โดยที่ตัวนางบังอร นั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี

ที่กองบังคับการปราบปราม

(บก.ป) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมบัติ  มิลินทจินดา รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.ส.4พล.ต.ต.ณัฐแก้ว เมตตามิตรพงศ์ ผบก.ประจำ สนง.ผบ.ตร. พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบก.ป. และพนักงานสอบสวน บก.ป. เดินทางมารอรับการส่งมอบตัว นายบุญฤทัย นพมาศ อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/9 หมู่ 4 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา เลขที่ 1632/60 ลงวันที่ 15 ก.ค. 60 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จากคดีดังกล่าว กับทางเจ้าหน้าที่ทหาร โดยมีแพทย์ จากรพ.ตร. ทำการตรวจร่างกาย ก่อนแสดงหมายจับให้ผู้ต้องหารับทราบ ส่งตัวผู้ต้องหาให้พนักงานสอบสวน ทำการสอบสวนดำเนินคดี ก่อนที่ต่อมาทางด้าน นางบังอร พร้อมด้วยนายสงกรานต์ และประจักษ์พยานที่เห็นเหตุการณ์จะเดินทางมายังกองบังการปราบปราม ในภายหลัง ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ให้ประจักษ์พยานทำการชี้ตัวผู้ต้องหา ประกอบสำนวน

 พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้สั่งการ

ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด และตรวจดีเอ็นเอ ในที่เกิดเหตุซึ่ง พบว่าไม่ตรงกับนางบังอร จึงเชื่อได้ว่านางบังอรไม่ใช่คนร้ายในคดีดังกล่าว จากนั้นวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ต.อ.สุรพล ขาวคม ซึ่งเคยเป็นพนักงานสอบสวนสน.ประชาชื่นคดีของนางบังอร ได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายบุญฤทัย และนางอ้อย ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง ซึ่งปรากฏตามภาพกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ  จนกระทั่งวันที่ 12 กรกฎาคม เวลาประมาณ 15.30 น. เจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจพบชายต้องสงสัย มีพฤติการณ์มั่วสุมบ่อนการพนัน เข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพลซึ่งมีลักษณะตรงกับบุคคลที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดที่สถานีรถไฟ จึงได้เชิญตัวมาให้พยานชี้ตัว บริเวณชั้น 7 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพยานยืนยันว่านายบุญฤทัย เป็นคนร้ายในคดีดังกล่าว ก่อนที่ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานก่อนขออำนาจศาลอาญาเพื่อออกหมายจับ นายบุญฤทัย กับ นางอ้อย  ตามภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิด เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 1630/60 ลงวันที่ 15 ก.ค.60 ในข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

สำหรับการชี้ตัว

พยานยืนยันว่านายบุญฤทัย เป็นผู้กระทำความผิด ส่วนนางบังอร ไม่ใช่ผู้กระทำความผิด นอกจากนี้นางบังอรยังมีประจักษ์พยานที่บอกได้ว่านางบังอรไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ จึงให้นำพยานมาสอบปากคำ และจากการตรวจดีเอ็นเอในที่เกิดเหตุก็พบว่าไม่ตรงกับนางบังอร อย่างไรก็ตามกรณีที่มีการออกหมายจับนางบังอร นั้นไม่ได้มาจากกรณีของการที่มีชื่อซ้ำกัน แต่เกิดจากความคลาดเคลื่อนในพยานหลักฐาน เนื่องจากต้องมีพยานชี้ตัวผู้กระทำผิด ไม่ได้ชี้ชื่อ-นามสกุล ทั้งนี้ต้องมีหลักฐานพอสวมควรศาลจึงออกหมายจับ แต่หลักฐานอาจจะคลาดเคลื่อน ส่วนกรณีที่มีข่าวว่านางอ้อยอยู่ในเรือนจำทางภาคใต้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่าไม่ใช่ เพราะอายุต่างกัน ขณะที่ในส่วนของการสอบสวน นายบุญฤทัย ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ใช้ไม้ตีผู้ตายจริง ส่วนสาเหตุเกิดจากนายบุญฤทัยเข้าใจผิดว่าผู้ตายมาขโมยเงิน นอกจากนี้ข้อมูลของฝ่ายความมั่นคงพบว่าเงินดังกล่าวได้มาจากบ่อน ส่วนผู้หญิงอีกรายที่ร่วมกันก่อเหตุ ทางศาลอาญาได้ออกหมายจับตามภาพวงจรปิดแล้ว โดยทราบชื่อว่า นางอ้อย ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง หลังจากนี้จะสืบสวนติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป

อย่างไรก็ตามคดีดังกล่าวขณะนี้อยู่ในชั้นอัยการ ซึ่งทางพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น เจ้าของคดี ได้ส่งสำนวนไปยังชั้นอัยการก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งหลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนกองปราบฯก็จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับคดีล่าสุดรวมถึงการจับกุมตัวนายบุญฤทัย ผู้ต้องหาตัวจริง ส่งไปรวมกับสำนวนดังกล่าว เพื่อใช้ในการหักล้างกับหลักฐานเดิมเพื่อช่วยให้นางบังอรพ้นจากมลทิน  ซึ่งในส่วนนี้ก็คงต้องให้ทางอัยการเป็นผู้พิจารณา

     นางบังอร กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณ

ทุกคนที่ช่วยให้ความเป็นธรรมกับตน ซึ่งในตอนแรกที่เกิดเรื่องขึ้นตนยอมรับว่าตกใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากถูกแจ้งข้อกล่าวหาในความผิด ร่วมกันฆ่าผู้อื่น ซึ่งตนยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวแต่อย่างใด และที่ผ่านมามาตนก็ไม่เคยพักอาศัยอยู่ในย่านประชาชื่น ที่เกิดเหตุ แต่ยอมรับว่าเคยไปแถวนั้นครั้งเดียวเมื่อตอนอายุ 16 ปี ซึ่งก็ผ่านมานานหลายปีแล้ว ตนจึงได้ต่อสู้เรียกร้องความบริสุทธิ์มาโดยตลอด และยืนยันว่าไม่ได้ติดใจเอาความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประชาชื่น และไม่คิดจะเรียกร้องเงินเยียวยาจากใคร

 คดีนี้เป็นคดีตัวอย่างของประชาชน

ที่ได้ต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม หากเราไม่ใช่ผู้กระทำความผิดก็ต้องเรียกร้องขอความเป็นธรรม หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนและตรวจสอบแล้วว่านางบังอรไม่น่าจะเป็นผู้กระทำความผิด จึงรวบรวมข้อมูลยื่นต่อพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร จากนั้นได้มีการนำดีเอ็นเอของนางบังอรไปตรวจเปรียบเทียบกับพยานวัตถุเป็นแก้วน้ำที่อยู่ในจุดเกิดเหตุพบว่าไม่ตรงกับนางบังอร และทางสน.ประชาชื่นได้กู้ไฟล์ภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งระยะเวลาผ่านมาแล้ว 3 ปีได้ จึงพบว่ามีชายและผู้หญิงอายุประมาณ 20 ปี ร่วมกันก่อเหตุ ทั้งนี้นายบุญฤทัยได้รับสารภาพว่าได้ก่อเหตุจริง

ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ทหารนำตัวนายบุญฤทัยมาส่งมอบให้พนักงานสอบสวน นั้นนายบุญฤทัย อยู่ในสภาพที่ไม่สามารถเดินด้วยเท้าทั้ง 2 ข้างเหมือนคนปกติ จึงต้องใช้ไม้ค้ำขาทั้ง 2 ข้าง และเจ้าหน้าที่คอยช่วยพยุง

 

728x90

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.