“ผู้สื่อข่าวถามว่าบัตรลงประชามติมีความแตกต่างจากบัตรเลือกตั้งที่ผ่านมาหรือไม่ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า จำไม่ได้แต่บัตรครั้งนี้มี2แถบสี เข้าใจว่าต้องแยกเป็น2ส่วน จึงตัดสินใจฉีกบัตร ตนไม่ค่อยได้ดูโทรทัศน์เลยไม่ทราบขั้นตอน”
ศรส.ประชามติ บช.น.เผยยอด”ฉีกบัตร”ช่วงเช้า 5จุด “ทุ่งครุ บางนา บางพลัด พระโขนง สวนพริกไทย” ล้วนคนชรา
เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย การออกเสียงประชามติ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศรส.ปต.น.) มีการประชุมคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผบ.ศรส.ปต.ตร. พร้อมด้วย รอง ผบ.ศรส.ปต.ตร. พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น.รรท.ผบก.น.1 ในฐานะ รอง ผอ.ศรส.ปต.น. และ รอง ผบก.น.1-9
โดยพล.ต.ต.สมพงษ์ กล่าวว่า หลังจากเปิดหีบช่วงเช้าที่ผ่านมา ทาง ศรส.ปต.น. ได้รับรายงานว่ามีการกระทำผิดความผิดเกี่ยวกับการฉีกบัตรประชามติ ในพื้นที่ บช.น. โดยมีหน่วยเลือกตั้งที่ 47 ซอยประชาอุทิศ 72 พื้นที่ สน.ทุ่งครุ ทราบชื่อ นายพิพัฒน์ แพสุวรรณรักษ์ อายุ 69 ปี หน่วยเลือกตั้งที่ 101 โรงเรียนวัดศรีเอี่ยมอนุสรณ์ พื้นที่ สน.บางนา ทราบชื่อนางมนฤดี อ่ำสกุล อายุ 54 ปี จากการสอบถามผู้กระทำผิดทั้ง 2 ราย ให้การว่าเข้าใจผิดคิดว่าต้องมีการแยกบัตรออกเสียงประชามติเป็น 2 ส่วน คือส่วนของรับ ไม่รับ และส่วนคำถามพ่วง ไม่มีเจตนาทำให้บัตรเสีย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำบันทึกประจำวัน และทำหนังสือถึง กกต. ว่าจะร้องทุกข์กล่าวโทษหรือไม่
รายงานแจ้งว่า นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ สน.บางพลัด ทราบชื่อ นายโสภณ ชูติมานนท์ อายุ 75 ปี ฉีกบัตรออกเสียงประชามติเป็น 2 ส่วนเหมือนกัน และหน่วยเลือกตั้งที่ 114 แขวงบางจาก พื้นที่ สน.พระโขนง ทราบชื่อนายสมเกียรติ เกรียงไกร อายุ 78 ปี มีการฉีกบัตรออกเสียงประชามติเช่นกัน รวมถึงพื้นที่สภ.สวนพริกไทย จ.ปทุมธานี พบนางยุรี วันเพ็ญ อายุ 67 ปี ฉีกบัตรเป็น2ส่วนเนื่องจากเข้าใจผิดว่าต้องแบ่งส่วน
ส่วนรายนี้ตั้งใจฉีกบัตร
โดยนายปิยรัฐได้เขียนแถลงการณ์ลงบนกระดาษว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ผมขอเรียนต่อเจ้าหน้าที่พนักงาน สื่อมวลชน และประชาชน ให้ทราบว่า การกระทำของผมได้กระทำไปโดยมีสติครบสมบูรณ์ ไม่มีซึ่งอาการป่วยทางจิตใดๆ ไม่ได้เสพติดสุราและของมึนเมา ทุกสิ่งอย่างล้วนเกิดขึ้นโดยจิตสำนึกของพลเมืองที่เพียงต้องการเรียกร้อง และยืนยันต่อสิทธิเสรีอันพึงมีพึงได้ของเราก็เพียงเท่านั้น หากแม้ว่าผลของมันจะเป็นเช่นไร ผมจะขอรับผิดชอบกับการกระทำของผมโดยไม่หลีกลี้หนีหายเพราะความกลัวแต่อย่างใด
ผมจะขอสู้คดีนำสืบให้ศาลเห็นถึงการใช้อำนาจอย่างเผด็จการ บิดเบือนกฎหมายจากความชอบธรรมตามหลักการประชาธิปไตย จับกุมคุมขังประชาชนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญ ทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรม จนยากจะหาทางแก้ และไร้ซึ่งความมั่นคงในเสรีภาพ อิสรภาพของประชาชนชาวไทย
โดยก่อนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว นายปิยรัฐได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “เมื่อยืนหยัดต่อสู้ผู้กดขี่ ประชาชนย่อมมีชีวิตใหม่ เผด็จการจะพินาศสาบสูญไป ประชาชนประชาธิปไตยจงเจริญ”
ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวไปสืบสวนที่สน.บางนา
