เวลา 11.00 น. วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2560
ที่ศูนย์ปฏิบัติการร่วมในคดีพิเศษที่ 27/2559 สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และรองโฆษกดีเอสไอ พร้อมด้วย พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย ในคดีพิเศษที่ 27/2559 เพื่อจับกุมพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาตามหมายจับ ในข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร ในคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ในช่วงเช้าวันนี้
พ.ต.ต.วรณันกล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.ภ.1 และ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ ได้ประชุมชุดปฏิบัติการเพื่อรับทราบการปฏิบัติและกำหนดแผนการดำเนินการในวันนี้ โดยกำหนดเป้าหมายเข้าตรวจค้นในพื้นที่มูลนิธิธรรมกาย โซนบี ซึ่งเมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา ยังไม่ได้เข้าตรวจค้น และพื้นที่โซนซีในส่วนที่เหลือ โดยจัดกำลังเข้าพื้นที่ พื้นที่ละ 8 ชุดปฏิบัติการ โดยกำลังประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ตำรวจ เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนา และสุนัขตำรวจ ซึ่งจนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ทั้งหมดยังอยู่ระหว่างตรวจค้น และยังไม่ได้รับรายงานเรื่องพบตัวผู้ต้องหาตามหมายจับแล้วหรือไม่
พ.ต.ต.วรณันกล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพว่าพบอุโมงค์ภายในวัดพระธรรมกายนั้น ขอเรียนว่า พื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่โซนซี บริเวณอาคาร 60 ปี และมีบ่อน้ำพุ ซึ่งจากการตรวจสอบพบด้านใต้ของบ่อน้ำพุมีลักษณะเป็นระบบอุโมงค์ ภายในมีบ่อน้ำเพื่อที่จะทำเป็นน้ำตก และได้รับรายงานว่ามีเส้นทางจากตึกอาคารภาวนาไปทางซ้ายและขวา มีระยะทาง 1.5 กิโลเมตร และเมื่อเดินไปสุดทางพบเป็นทางตัน ไม่สามารถเดินทะลุออกไปที่ไหนได้ ซึ่งยืนยันว่าสามารถใช้ทางเข้าออกได้เพียงแค่ทางเดียวเท่านั้น คืออยู่บริเวณอาคารภาวนา 60 ปี ดังนั้น จึงไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถใช้เส้นทางดังกล่าวหลบหนีได้ ทั้งนี้ ข้อมูลทางการข่าวยังเชื่อว่าพระธัมมชโยยังคงอยู่ในพื้นที่
ผู้สื่อข่าวถามกรณีมีการแชร์ภาพเครื่องสำอาง ห้องฟิตเนส เครื่องประทินผิว อยู่ภายในอาคารหลังหนึ่งของวัดพระธรรมกาย พ.ต.ต.วรณันกล่าวว่า ขณะนี้ทางทีมโฆษกยังไม่ได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ส่วนกรณีที่ นพ.มโน เลาหวนิช อดีตลูกศิษย์วัดพระธรรมกายให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า พระธัมมชโยอาจจะกลับเข้ามายังพื้นที่โซนเออีกครั้ง หลังจากเมื่อวันที่ 16 ก.พ.นี้ ไม่พบตัวพระธัมมชโยนั้น ในส่วนของเจ้าหน้าที่ก็จะนำข้อมูลตรงนี้มาประกอบ หากพระธัมมชโยกลับเข้ามาจริง เจ้าหน้าที่ก็สามารถเข้าไปดำเนินการตรวจค้นซ้ำได้ตามกฎหมาย ทั้งนี้ จะต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจค้นเสร็จเมื่อไหร่นั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ ขึ้นอยู่กับการประเมินสถานการณ์ของผู้บัญชาการเหตุการณ์ อย่างไรก็ตาม หากเหตุการณ์ปกติแล้วก็จะสามารถให้ประชาชนเดินทางเข้าออกได้ตามปกติ แต่ถ้ามีข้อมูลสงสัยก็จะขอเข้าตรวจค้นอีกตามกฎหมายมาตรา 44 และประกาศ คสช.ที่ 5/2560
ถามต่อว่า หากการตรวจสอบแล้วไม่พบพระธัมมชโยจะสามารถดำเนินการเอาผิดกับใครได้บ้าง พ.ต.ต.วรณันกล่าวว่า เบื้องต้นต้องแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ 1.ถ้าเจอตัวพระธัมมชโยก็ให้ดำเนินการตามกฎหมาย และ 2.ถ้าไม่เจอตัวก็จะต้องดำเนินการสืบสวนติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้หากยังไม่พบตัวพระธัมมชโยก็จะต้องมีการปรับแผนและประเมินสถานการณ์ดูว่าตรงไหนของเจ้าหน้าที่คือจุดอ่อนและจุดแข็ง ซึ่งในการดำเนินการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนมากกว่าเรื่องผลสัมฤทธิ์ซึ่งถือเป็นเรื่องรอง ส่วนเรื่องการดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องว่าจะมีความผิดอะไรหรือไม่ หากปล่อยให้พระธัมมชโยหลบหนีไปได้นั้น ตรงนี้จะต้องมีการพิจารณากันอีกครั้งหลังปฏิบัติการตรวจค้นเสร็จสิ้น
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับให้ร่วมในการสนับสนุนร่วมในการปฏิบัติการตรวจค้น และได้สุนัขตำรวจ หรือ K9 มาร่วมในการตรวจค้นวัดพระธรรมกายในวันนี้ด้วย ทั้งนี้ กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงอยู่ 3,000 นาย ส่วนจะมีการลดหรือเพิ่มกำลังหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้บัญชาการเหตุการณ์