#เปรียบเทียบข้อดี ข้อด้อย “คนละครึ่ง” กับ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ก่อนตัดสินใจ ใช้โครงการใด แม้สมัคร”คนละครึ่ง” ก็มีสิทธิย้ายได้1ครั้ง!!!!
“ยิ่งใช้ยิ่งได้” ทำความรู้จัก www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com ก่อนลงทะเบียน 21 มิ.ย.64
หลักการมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากคำสั่งเพื่อระงับยับยั้งและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้แก่ประชาชนจากการได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิดระลอก 3 หลากหลายโครงการ เช่น คนละครึ่งเฟส3 , ม33เรารักกัน , เราชนะ , บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ซึ่งเป็นโครงการใหม่ เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศผ่านผู้มีกำลังซื้อสูงให้นำเงินออกมาใช้จ่าย
“ยิ่งใช้ยิ่งได้” คืออะไร โครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” โครงการนี้จะเป็นโครงการใหม่ ภาครัฐจะสนับสนุนบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Voucher) ให้แก่ผู้ที่ได้รับสิทธิโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ภาครัฐสนับสนุนบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Voucher ให้แก่ผู้ได้รับสิทธิคาดว่าไม่เกิน 7,000 บาท/คน เริ่มดำเนินการเดือน กรกฎาคม-ธันวาคม 2564 ใช้จ่ายได้ไม่เกิน 5,000 บาทต่อคนต่อวัน
E-Vocher ที่ได้สามารถนำไปใช้จ่ายอะไรได้บ้าง
- ซื้อสินค้า
- ค่าอาหาร
- ค่าเครื่องดื่ม
- ค่าบริการต่างๆ
ชำระเงินผ่านช่องทางไหน ชำระเงินผ่าน g-Wallet บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” กับผู้ประกอบการร้านค้าและบริการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งติดตั้งแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ที่เข้าร่วมโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้
ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกคนมาดูหน้าเว็บ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com เข้ามาตรวจสอบ เช็กวิธีลงทะเบียน “ยิ่งใช้ยิ่งได้” เพื่อจะได้เข้าใจขั้นตอนต่างๆ ก่อนที่จะลงทะเบียนจริงในวันที่ 21 มิ.ย. 64 นี้ และวันนี้เราจะพามารู้จักปุ่มเมนูอื่นๆ ว่าแต่ละเมนูใช้งานยังไง มีทั้งหมด 7เมนูหลักดังนี้
เมนู “หลักเกณฑ์และเงื่อนไขโครงการ”
เมนู “ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ”
เมนู “สำหรับประชาชนผู้ใช้สิทธิ”
เมนู “สำหรับผู้ประกอบการรับสิทธิ”
เมนู “แถลงข่าวที่เกี่ยวข้อง”
เมนู “คำถามที่พบบ่อย”
*********
“ยิ่งใช้ยิ่งได้” คืออะไร
โครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ซึ่งเป็นโครงการใหม่ เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศผ่านผู้มีกำลังซื้อสูงให้นำเงินออกมาใช้จ่าย.
-ภาครัฐสนับสนุนบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Voucher ให้แก่ผู้ได้รับสิทธิคาดว่าไม่เกิน 7,000 บาท/คน
-เริ่มดำเนินการเดือน กรกฎาคม-ธันวาคม 2564
-ใช้จ่ายได้ไม่เกิน 5,000 บาทต่อคนต่อวัน
E-Vocher ที่ได้สามารถนำไปใช้จ่ายอะไรได้บ้าง
-ซื้อสินค้า
-ค่าอาหาร
-ค่าเครื่องดื่ม
-ค่าบริการต่างๆ
ชำระเงินผ่านช่องทางไหน?
-ชำระเงินผ่าน g-Wallet บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” กับผู้ประกอบการร้านค้าและบริการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งติดตั้งแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ที่เข้าร่วมโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้
คนละครึ่ง กับ ยิ่งใช้ยิ่งได้ ลงทะเบียนโครงการไหนดีกว่า ใครยังลังเล มาเปรียบเทียบคนละครึ่ง เฟส 3 กับ ยิ่งใช้ยิ่งได้ ก่อนตัดสินใจคนละครึ่ง เฟส 3 และยิ่งใช้ยิ่งได้ เป็น 2 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังที่ได้รับความสนใจมาก ซึ่งแต่ละโครงการมีจุดเด่นแตกต่างกันไป ทำให้หลายคนลังเลว่าจะเลือกลงทะเบียนโครงการไหนดี เนื่องจากต้องเลือกใช้สิทธิได้เพียง 1 โครงการเท่านั้น วันนี้เราเลยนำข้อมูลทั้ง 2 มาตรการมาเปรียบเทียบให้พิจารณากัน
คนละครึ่ง
คนละครึ่ง ใครได้สิทธิบ้าง ?
- มีบัตรประจำตัวประชาชน เป็นบุคคลสัญชาติไทย
- อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน
- ไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
- ไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษผ่านบัตรประชาชน (ตรวจสอบผู้ได้รับสิทธิผ่านบัตรประชาชนได้จาก www.เราชนะ.com)
- ไม่เข้าร่วมโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้
- ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการอื่น ๆ ของรัฐ
รวมมีผู้รับสิทธิคนละครึ่ง ทั้งหมด 31 ล้านคน
ลงทะเบียนคนละครึ่งเมื่อไร ?
- ตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป ผ่าน www.คนละครึ่ง.com หรือแอปฯ เป๋าตัง (สำหรับคนที่เคยได้รับสิทธิในโครงการรัฐที่ใช้แอปฯ เป๋าตัง)
- สามารถเปลี่ยนโครงการได้ 1 ครั้ง ภายในวันที่ 28 มิถุนายน 2564
ได้เท่าไร สิทธิประโยชน์มีอะไรบ้าง ?
รัฐบาลจะช่วยจ่ายค่าซื้อสินค้าให้ 50% ของมูลค่าสินค้า แต่ไม่เกินวันละ 150 บาทต่อวันต่อคน และตลอดทั้งโครงการให้สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน ใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 31 ธันวาคม 2564 ยกตัวอย่าง หากซื้อสินค้าจำนวน 200 บาท เราจ่ายเอง 100 บาท รัฐบาลจ่ายให้ 100 บาท หรือกรณีที่ซื้อสินค้า 400 บาท เราต้องจ่ายเอง 250 บาท รัฐบาลจ่ายให้ 150 บาทต่อวันเท่านั้น
เงื่อนไขอื่น ๆ
- ใช้สิทธิซื้อสินค้าได้กับร้านอาหาร, เครื่องดื่ม, สินค้าทั่วไปที่เข้าร่วมโครงการ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าขนาดเล็ก หาบเร่ แผงลอย ร้านค้าในตลาด ร้านโชห่วยก็ใช้ได้ หากร้านค้านั้นเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง รวมทั้งบริการ เช่น นวด สปา ร้านทำเล็บ ขนส่งสาธารณะ
- ไม่สามารถใช้สิทธิได้กับสินค้าประเภทสลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ ยาสูบ
- ต้องจ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เท่านั้น โดยเราต้องเติมเงินเข้าแอปฯ เป๋าตัง ให้เรียบร้อยก่อนซื้อสินค้า จากนั้นนำไปสแกนกับแอปพลิเคชัน ถุงเงิน ของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง
รายละเอียด”ยิ่งใช้ยิ่งได้“
ยิ่งใช้ยิ่งได้คืออะไร ใครได้สิทธิบ้าง ?
ยิ่งใช้ยิ่งได้ เป็นโครงการกระตุ้นการบริโภค ผู้มีกำลังซื้อ และสนับสนุนผู้ประกอบการที่มีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) โดยผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการได้ต้องมีคุณสมบัติคือ
- สัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน
- ไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
- ไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษผ่านบัตรประชาชน
- ไม่ใช้สิทธิคนละครึ่ง เฟส 3
- ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการอื่น ๆ ของรัฐ
รวมมีผู้รับสิทธิยิ่งใช้ยิ่งได้ ทั้งหมด 4 ล้านคน
ลงทะเบียนยิ่งใช้ยิ่งได้เมื่อไร ?
ลงทะเบียนยิ่งใช้ยิ่งได้ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2564 เวลา 06.00-22.00 น. เป็นต้นไป ผ่าน 2 ช่องทาง คือ
- www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com
- หรือลงทะเบียนผ่านแอปฯ เป๋าตัง พร้อมผูก G-Wallet สำหรับคนที่เคยเข้าร่วมมาตรการของรัฐที่เคยใช้แอปฯ เป๋าตัง
ยิ่งใช้ยิ่งได้ ใช้ยังไง เงื่อนไขมีอะไรบ้าง ?
1. เมื่อลงทะเบียนยิ่งใช้ยิ่งได้และได้รับสิทธิเรียบร้อยแล้ว สามารถใช้สิทธิผ่านแอปฯ เป๋าตัง โดยกดแท็บ “ยิ่งใช้ยิ่งได้”
2. เติมเงินเข้า G-Wallet แล้วนำไปสแกนจ่ายค่าสินค้ากับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 30 กันยายน 25643. หลังจากใช้จ่ายแล้วจะได้รับเงินคืนในรูปแบบ E-Voucher เข้า G-Wallet ทุกวันที่ 7 ของเดือนถัดไป เช่น ใช้จ่ายในเดือนกรกฎาคม จะได้รับ E-Voucher ในวันที่ 7 สิงหาคม คำนวณจากมูลค่าการใช้จ่าย ดังนี้
• ยอดใช้จ่าย 1-40,000 บาทแรก จะได้ E-Voucher คืน 10% ของยอดการใช้จ่ายนั้น สูงสุดไม่เกิน 4,000 บาท
• ยอดใช้จ่าย 40,001-60,000 บาท จะได้ E-Voucher คืน 15% ของยอดการใช้จ่ายนั้น สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาท
• จำกัดยอดใช้จ่ายที่นำมาคำนวณสิทธิ E-Voucher ไม่เกิน 5,000 บาทต่อคนต่อวัน
• ให้สิทธิ E-Voucher สูงสุด 7,000 บาทต่อคน โดยใช้จ่ายสูงสุด 60,000 บาทต่อคน
4. เมื่อได้รับ E-Voucher แล้ว สามารถนำไปใช้จ่ายในร้านที่ร่วมโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม – 31 ธันวาคม 2564 แต่ไม่สามารถแลกเป็นเงินสดได้
วิธีคำนวณยิ่งใช้ยิ่งได้ ได้ E-Voucher คืนเท่าไร
ตัวอย่างเช่น
- ซื้อสินค้าวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เป็นเงิน 1,000 บาท จะได้ E-Voucher คืน 10% คือ 100 บาท ในวันที่ 7 สิงหาคม และสามารถนำเงิน 100 บาทส่วนนี้ไปใช้จ่ายในร้านที่ร่วมโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ต่อไป
- ซื้อสินค้าวันที่ 2 กรกฎาคม 2564 เป็นเงิน 7,000 บาท จะถูกนำมาคำนวณคืนเงินเพียง 5,000 บาทเท่านั้น เนื่องจากกำหนดให้ใช้จ่ายไม่เกิน 5,000 บาทต่อวัน ดังนั้น จะได้ E-Voucher คืน 10% คือ 500 บาท เอาไปใช้จ่ายร้านที่ร่วมโครงการอื่น ๆ
- ซื้อสินค้าในเดือนกรกฎาคม 2564 รวมเป็นเงิน 30,000 บาท จะได้รับ E-Voucher คืน 10% เท่ากับ 3,000 บาท เอาไปใช้จ่ายร้านที่ร่วมโครงการอื่น ๆ
- ซื้อสินค้าในเดือนกรกฎาคม 2564 รวมเป็นเงิน 50,000 บาท ยอดซื้อ 40,000 บาทแรก จะได้ E-Voucher คืน 10% และยอดซื้อที่เหลืออีก 10,000 บาท จะได้คืน 15% รวมได้รับ E-Voucher 5,500 บาท ให้นำไปใช้จ่ายในร้านที่ร่วมโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ต่อไป
ตัวอย่างการคำนวณ
ยิ่งใช้ยิ่งได้ ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ มีที่ไหนบ้าง ?
- ร้านที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ร่วมโครงการเท่านั้น เช่น ร้านอาหาร-เครื่องดื่ม ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า ร้านที่จดทะเบียนนิติบุคคล ร้านนวด สปา ทำเล็บ ทำผม
- ไม่สามารถซื้อสินค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ ยาสูบ
คนละครึ่ง กับ ยิ่งใช้ยิ่งได้
เลือกมาตรการไหนดี ? เนื่องจากมีเงื่อนไขกำหนดให้ 1 คน เข้าร่วมได้เพียงมาตรการเดียวเท่านั้น จึงต้องเลือกมาตรการที่เหมาะกับเรามากที่สุด
คนละครึ่ง เหมาะกับใคร ?
- คนที่ซื้อสินค้าจากร้านค้าขนาดเล็ก หาบเร่ แผงลอย ตลาด ร้านโชห่วย เป็นประจำ
- เหมาะกับคนที่ใช้จ่ายในแต่ละวันไม่ได้สูงมาก
- สามารถทยอยใช้จ่ายได้ เนื่องจากรัฐจะออกเงินให้ไม่เกินวันละ 150 บาท
ยิ่งใช้ยิ่งได้ เหมาะกับใคร ?
- กลุ่มคนมีรายได้สูง หรือคนที่ต้องการซื้อสินค้าที่มีราคาสูง เพราะยิ่งใช้ยิ่งได้สามารถซื้อสินค้ารวมกันได้สูงสุด 60,000 บาท
- คนที่มักรับประทานอาหารในร้านอาหาร-เครื่องดื่มที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- คนที่มักซื้อสินค้าจากห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ หรือร้านค้าขนาดใหญ่ที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
ทั้งนี้ ผู้ที่ใช้สิทธิยิ่งใช้ยิ่งได้ต้องพิจารณาข้อสำคัญคือ โครงการนี้จำกัดการซื้อไม่เกิน 5,000 บาทต่อวันเท่านั้น เพราะส่วนเกิน 5,000 บาทในแต่ละวัน จะไม่นำมาคำนวณเป็นยอดใช้จ่ายเพื่อรับ E-Voucher ดังนั้น หากต้องการใช้สิทธิเต็มแม็กซ์ 60,000 บาท จะต้องแบ่งซื้อสินค้าครั้งละไม่เกิน 5,000 บาท อย่างน้อย 12 ครั้ง เท่ากับว่าไม่สามารถซื้อสินค้าที่มีราคาเกิน 5,000 บาท ไปจนถึงหลักหมื่นได้ในครั้งเดียว
และถ้าต้องการรับสิทธิมากกว่าโครงการคนละครึ่ง คนที่เลือกมาตรการยิ่งใช้ยิ่งได้จะต้องซื้อสินค้า-บริการให้มีมูลค่ารวม 30,000 บาทขึ้นไป ภายใน 3 เดือน (กรกฎาคม-กันยายน 2564) ถึงจะได้รับ E-Voucher มากกว่า 3,000 บาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินสูงสุดที่ผู้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งจะได้รับ แต่หากซื้อน้อยกว่า 30,000 บาท อาจจะไม่คุ้มเท่าไรเมื่อเทียบกับโครงการคนละครึ่ง
ลงทะเบียนคนละครึ่งไปแล้ว อยากเปลี่ยนไปยิ่งใช้ยิ่งได้ ทำยังไง ?
หากลงทะเบียนคนละครึ่งไปแล้ว แต่เกิดเปลี่ยนใจอยากไปใช้สิทธิยิ่งใช้ยิ่งได้แทน สามารถเปลี่ยนแปลงการลงทะเบียนได้ 1 ครั้ง ผ่านแอปฯ เป๋าตัง โดยให้ลงทะเบียนรับสิทธิยิ่งใช้ยิ่งได้ผ่านแอปฯ เป๋าตัง ภายในวันที่ 28 มิถุนายน 2564 เวลา 22.00 น. และจะถือว่าสละสิทธิคนละครึ่งทันที สรุปแล้ว จะเลือกโครงการคนละครึ่ง หรือยิ่งใช้ยิ่งได้ ขึ้นอยู่กับกำลังซื้อของเรา หากปกติชอบใช้จ่ายตามร้านค้าเล็ก ๆ แผงลอย ตลาด ซื้อกับข้าว ซื้ออาหาร และมีเงินไม่มากนัก ก็ควรเลือกลงทะเบียนคนละครึ่ง เฟส 3 เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ซึ่งถ้าเราต้องการรับสิทธิครบ 3,000 บาท ก็จะต้องเติมเงินเข้าเป๋าตัง อย่างน้อย 3,000 บาท
แต่ถ้าเรามีรายได้สูง หรือต้องการซื้อของราคาสูงรวมกันเป็นหลักหมื่นอยู่แล้ว มาตรการยิ่งใช้ยิ่งได้อาจจะตอบโจทย์กว่า เพราะจะได้แคชแบ็กไว้ซื้อของเพิ่มอีกสูงสุด 7,000 บาทขอบคุณข้อมูลจาก
คนละครึ่ง.com, ยิ่งใช้ยิ่งได้.com
รวมรูปภาพ คนละครึ่ง กับ ยิ่งใช้ยิ่งได้ เปรียบเทียบชัด ๆ ลงทะเบียนโครงการไหนดี ใช้คุ้ม เหมาะกับเรา
##########
#หนังสือพิมพ์รายวัน”ข่าวประเทศไทย”#ข่าวทั่วไทย-ไกลทั่วโลก#
เพื่อ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ประชาชน ผดุงความธรรมในสังคม
#เปิดอ่านทาง WEBSITE: https://www.thailandworldnews.com
หนังสือพิมพ์รายวัน”ข่าวประเทศไทย##นายสิทธิชัย ไชยกิจ (ชัย บางสะแก) เจ้าของ-บรรณาธิการ #
#ติดต่อกองบรรณาธิการ #……#ประสงค์ ส่งข่าวสาร-ประชาสัมพันธ์ร้องขอความเป็นธรรม”เครือข่ายบุติธรรม”
ส่งเรื่องต่างๆมาที่อีเมล : THAILANDWORLDNEWS@GMAIL.COM
เพื่อความเป็นธรรมในสังคม
#########