กรมการขนส่งทางบก ได้นำระบบ GPS ติดตั้งบนรถโดยสารสาธารณะและรถบรรทุก เพื่อติดตามความคืบหน้าการรับส่งผู้โดยสาร สามารถวิเคราะห์ว่า รถโดยสารจะถึงปลายทางเมื่อไหร่ได้ด้วย โดยตอนนี้สามารถตรวจสอบได้ด้วยแอพบนสมาร์ทโฟนชื่อว่า DLT GPS
แอปฯ DLT GPS นี้จะให้เราเข้าถึงข้อมูลและติดตามรถโดยสารสาธารณะที่วิ่งระหว่างจังหวัดและรถบรรทุกได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งขณะนี้เปิดให้ดาวน์โหลดฟรีแล้วผ่านทาง Google Play Store บนระบบปฏิบัติการ Android และ iOS ผ่านทาง App Store
จากนั้นเปิดแอพ DLT GPS ขึ้นมา แล้วระบุหมายเลขทะเบียนของรถสาธารณะ ระบบก็จะแสดงพิกัดของรถทัวร์หรือรถบรรทุกคันนั้นๆ ว่าอยู่ตรงไหน …ใช้ความเร็วเท่าไหร่ … ซึ่งฟีเจอร์นี้ GPS ที่แสดงบนแอปฯ DLT GPS มีประโยขน์มากเช่น ทราบว่า คนที่รัก ที่ขึ้นรถทัวร์ไป ตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้วนะ เดินทางปลอดภัยหรือเปล่า ก็แค่ใส่หมายเลขทะเบียนรถคันนั้นบนแอพ ก็ทราบทันทีว่ารถโดยสารคันนั้นถึงจุดไหนแล้ว เกิดอุบัติเหตุอะไรหรือไม่ คนขับขับเร็วเกินกำหนดหรือป่าว รวมถึงทราบชื่อคนขับรถคันนั้นด้วย
หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น รถเสียกลางทาง หรือปัญหาอื่นๆที่เกิดขึ้นขณะใช้บริการรถสาธารณะละก็ สามารถแจ้งรายงานผ่านแอพ DLT GPS โดยกรอกรายละเอียดเหตุการณ์ พร้อมถ่ายรูปส่งผ่านแอปฯได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ที่ได้ข้อมูลพิกัด GPS ของรถสาธารณะ ก็เพราะเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2559 กรมการขนส่งทางบก ได้นำระบบ GPS มาใช้ติดตามการเดินรถโดยสารสาธารณะ ซึ่งกำหนดให้รถโดยสารสาธารณะที่วิ่งระหว่างจังหวัด รถลากจูงและรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไปที่จดทะเบียนใหม่ ต้องติดตั้ง GPS ทันที ส่วนรถที่จดทะเบียนก่อนหน้านี้ ยังติดไม่ทัน ก็มีการกำหนดระยะเวลาให้เจ้าของรถและผู้ประกอบการมีเวลาในการติดตั้ง GPS ต่อไประยะนึง โดยในตอนนี้ มีข้อมูลรถที่ติดตั้ง GPS ในฐานข้อมูลกว่า 40,000 คันแล้ว
โดยคนขับที่จะขับรถสาธารณะนั้น ต้องรูดบัตรประจำตัวคนขับทุกครั้ง ก่อนออกรถ และเมื่อขับถึงที่หมายก็รูดอีกครั้ง ข้อมูลนี้จะช่วยบอกชั่วโมงการขับขี่ของคนขับ ว่าขับเกินเวลาหรือไม่ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดก็จะถูกส่งเข้ามายังศูนย์กลาง และมีเจ้าหน้าที่คอยติดตามความเคลื่อนไหวของรถในระบบตลอด 24 ชั่วโมง หากเกิดการกระทำผิดเช่นขับเร็วเกินกำหนด หรือ ขับรถเกินชั่วโมงทำงาน ระบบก็จะมีแจ้งเตือนขึ้นมาให้เจ้าหน้าที่ทราบทันที
ทั้งหมดนี้คือประโยชน์ของ GPS ที่ทำให้ผู้ประกอบการสามารถตรวจสอบ รถบรรทุก รถโดยสารของบริษัทตัวเองได้ และยังเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้โดยสาร ประชาชนทั่วไป ก็ได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูล GPS นี้ด้วย
เครดิต:www.it24hrs.com