ที่หอประชุมสำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การสนับสนุนโครงการพัฒนาเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก Eastern Economic Corridor of Innovation(EECi) ระหว่าง กลุ่มมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล(มทร.) 9 แห่ง ประกอบด้วย มทร.กรุงเทพ มทร.อีสาน มทร.ศรีวิชัย มทร.ล้านนา มทร.ธัญบุรี มทร.พระนคร มทร.สุวรรณภูมิ มทร.ตะวันออก และ มทร.รัตนโกสินทร์ กับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เพื่อดึงอัตลักษณ์ของการเป็นมหาวิทยาลัยนักปฏิบัติด้านวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามาช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาบุคลากร การวิจัย การพัฒนานวัตกรรม เพื่อรองรับการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม
ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่าโครงการพัฒนา EECi มีความสำคัญต่อประเทศไทยอย่างมากในการพัฒนาให้เกิดระบบนิเวศนวัตกรรมที่สมบูรณ์ เพื่อเป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ที่มีความเข้มข้นของงานวิจัยและนวัตกรรม ตลอดจนการวิเคราะห์ทดสอบที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยในตลาดโลก โดยที่ผ่านมา มีหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาคเอกชน สถาบันการศึกษา สถาบันวิจัย และหน่วยงานภาครัฐ ตลอดจนหน่วยงานวิจัยพันธมิตรจากต่างประเทศ ให้ความร่วมมือในการขับเคลื่อนจำนวน 51 หน่วยงาน สำหรับความร่วมมือครั้งนี้เป็นการสนับสนุนข้อมูลและองค์ความรู้ รวมถึงการพัฒนาบุคลากรและทรัพยากร เพื่อให้การพัฒนานโยบายและการวางแผนขับเคลื่อนการพัฒนา EECi ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดย มทร. ทั้ง 9 แห่ง จะดำเนินกิจกรรมวิจัย และพัฒนานวัตกรรม รวมทั้งพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ร่วมกัน ตลอดจนให้บริการตามภารกิจและบทบาทของแต่ละฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม ด้านวิศวกรรมยานยนต์วิศวกรรมการบินและอวกาศ และอุตสาหกรรมอื่นๆ ในพื้นที่ EECi อันจะส่งผลให้เกิดประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรม ชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มประสิทธิภาพ
ดร.สาธิต พุทธชัยยงค์ อธิการบดี มทร.กรุงเทพ ในฐานะประธานที่ประชุมคณะกรรมการอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล กล่าวว่า มทร.ทั้ง 9 แห่ง ได้วางแผนดำเนินงานในโครงการ EECi ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ ของกลุ่มมทร. โดยเฉพาะในเรื่องของการพัฒนาคณาจารย์และบุคลากรของมหาวิทยาลัย เพื่อก้าวไปสู่การเป็น Train the Trainer รวมไปถึงการพัฒนาและออกแบบหลักสูตรใหม่ๆ เพื่อผลิตบัณฑิตให้สอดคล้องกับความต้องการแรงงานของประเทศในยุค 4.0 โดยมั่นใจความร่วมมือดังกล่าวจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรมของไทยอย่างมาก
