พร้อมกันนี้ นายรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ใช้ได้กับทุกกิจกรรม ขึ้นอยู่กับทุกคนจะนำไปประยุกต์ใช้ของทุกหน่วยงาน “ผลตอบแทน” ที่ได้รับก็คือ ความยั่งยืนขององค์กร โดยเฉพาะในช่วงนี้ ประเทศชาติกำลังมีปัญหา ต้องมองประเทศชาติเป็นหลัก ทำอย่างไร ประเทศชาติจะมีภูมิคุ้มกันที่ดี ถ้าทุกคนไม่ร่วมมือกัน มุ่งหวังแต่ประโยชน์ ต่างคนต่างอยากได้ทั้งหมด ทำให้องค์กรเสียหาย และไม่ยั่งยืน อยากให้ทุกคนทำงานอย่างมีความสุข เพราะความสุขเป็นตัวชี้วัดวัดความเจริญเติบโตของประเทศ เพราะจะวัดจากจีดีพีอย่างเดียวไม่ได้ ต้องคำนึงถึงความสุข ความพึงพอใจของประชาชนด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องของการปฏิรูป จะทำแค่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดฝ่ายเดียวไม่ได้ การปฏิรูปคือการเอาสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นและเป็นปัญหามาทำใหม่ หรือมาแก้ไขให้ดีขึ้นกว่าเดิม อาจจะต้องใช้วิธีการใหม่ ๆ ใช้กฎหมายใหม่ ๆ ซึ่งแน่นอนต้องมีผลกระทบกับสิ่งเดิม ๆ ที่เคยมีมา นโยบายของรัฐบาล คสช. คือ เพื่อให้เกิดความเท่าเทียม ความเป็นธรรม เฉลี่ยความสุขให้ทุกคน แน่นอนต้องมีคนได้มากได้น้อย แต่ทั้งหมด
ต้องอยู่บนพื้นฐานของคุณธรรม ที่ไม่ใช่หวังผลกำไรแต่เพียงอย่างเดียว จึงอยากขอร้องอย่าบิดเบือน เพราะการปฏิรูป มี 31 วาระ 37 เรื่อง ต้องมีการแบ่งเป็นระยะ ซึ่งเป็นเหตุผลของการที่จะต้องมีแผนปฏิรูป 5 ปี 4 แผน และแผนสภาวะอีก 4 แผนสอดคล้องกัน ทั้งหมดร่วมกันเป็นยุทธศาสตร์ 20 ปี อะไรเริ่มได้ ก็ทำในเวลานี้ จนถึงปี 2560 อะไรที่ทำไม่แล้วเสร็จ ก็ส่งต่อในระยะหน้า คือ รัฐบาลใหม่
พล.อ.ประยุทธ์ อธิบายต่อว่า ตั้งแต่เข้ามาพฤษภาคม 2557 ได้แก้ไขความขัดแย้ง แก้ไขปัญหาที่สำคัญ จัดระเบียบบ้านเมืองให้ทุกคนมาอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ก็ถือว่าบ้านเมืองสงบพอสมควร มีเฉพาะในสื่อในโซเชียล กับคนบางคนที่ออกมาพูดทำให้บ้านเมืองเสียหาย กำชับ ผู้รับผิดชอบอย่าให้เกิดขึ้นอีก ส่วนในปีนี้ และปี 2560 จะปฏิรูปอะไรต่อไป ก็ยึดตามแผนที่ สปช. และ สปท.ทำไว้ ซึ่งต้องปฏิรูปทั้งหมด คือ รัฐบาล ข้าราชการ ประชาชน และขอขอบคุณทุกคน ใน สนช. สปท. และ กรธ. ทุกคนที่ทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติ ตลอดจนย้ำว่าไม่อยากทะเลาะกับสื่อทุกวันแต่อยากให้ทำงานด้วยจรรยาบรรณเป็นกลาง ไม่ใช่เสนอให้คนทำผิดกฎหมาย มาสู้กับรัฐบาล
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกวันนี้ให้เสรีภาพประชาชนเต็มที่จะไปที่ไหนก็ได้ ยกเว้นคนที่ทำความผิด คนที่มีคดีความ ซึ่งจำเป็นต้องทำ ต้องระมัดระวังไม่ให้บานปลาย ซึ่งถือเป็นข้อยกเว้นสำหรับบางคน หรือสื่อบ้าง ซึ่งต้องขอร้องกัน แต่ไม่ได้ไปจำกัดสิทธิเสรีภาพสื่อ
ทั้งนี้ ไม่ว่า ทหาร ข้าราชการ ต้องดึงตัวเองออกจากความขัดแย้ง ออกจากการเป็นเครื่องมือ ต้องหยุด ถอยออกมาดูว่าแต่ละฝ่ายทำอะไรกัน อันไหนมันถูก อันไหนมันผิด ก็ทำหน้าที่ของตัวเองตามความรับผิดชอบ ตามความเข้าใจของตัวเอง ตามกฎหมายที่มีอยู่ เพื่อให้เกิดการไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกัน ใครทำผิด ต้องยอมรับกลไกกระบวนการความยุติธรรม ไม่ต้องให้ไปจับกุมดำเนินคดี ที่มีการใช้ ม.44 เพื่อไปควบคุมตัว เพราะชอบหนี ดังนั้น จึงต้องมี ม.44 ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารดำเนินการ เมื่อพบความผิดชัดเจนก็ส่งกระบวนการยุติธรรม ยืนยัน ไม่ได้ใช้ ม.44 จัดการคู่ขัดแย้ง เพราะไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร ซึ่งในขั้นตอนต่าง ๆ นั้น ก็ได้มีการอธิบายกับต่างประเทศแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ ก็เข้าใจ และชื่นชมในแนวทางที่ดำเนินการด้วย
พร้อมกันนี้ ได้สั่งการ กระทรวงมหาดไทย กับ คสช. ทหาร และทุกหน่วยงาน เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพายุฤดูร้อนในทุกพื้นที่ เตรียมตัวรับมือฤดูฝนที่กำลังจะมาประมาณกลางพฤษภาคม ซึ่งอาจจะมีพายุฤดูร้อนเข้ามาอีก จึงต้องเตรียมตัวทั้งสองอย่างคือ เตรียมรับฝน เตรียมรับจากภัยแล้ง น้ำท่วม ซึ่งเป็นปัญหาที่แก้ไม่จบ แต่รัฐบาลก็จะพยายามอย่างเต็มที่ ช่วยเหลือให้ได้มากที่สุด
ขอบคุณภาคประชาชนที่เข้าใจร่วมมือ เข้มแข็งและตื่นตัวมากขึ้นในการที่จะเดินหน้าทำประชามติ และการเลือกตั้งครั้งต่อไป ยืนยันไม่ได้ขัดขวาง และอยากขอให้ NGO เข้าใจบ้างอย่าบิดเบือนเรียกร้องให้กับผู้กระทำความผิดซ้ำซากหรือส่งเรื่องไปต่างประเทศ แล้วให้ต่างประเทศกลับมาเล่นงานประเทศตัวเอง เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
