14 ธ.ค.60 เมื่อเวลา 10.00 น.
ที่ห้องพิจารณา 909 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก
ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีดำ อ.4176/2552 ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายจตุพร หรือตู่ พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่น โดยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328
กรณีเมื่อวันที่ 11 ต.ค.52 จำเลยได้ขึ้นปราศรัยบนเวที นปช.ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน โดยกล่าวใส่ร้ายนายอภิสิทธิ์ โจทก์ทำนองว่า ประวิงเวลาในการทำความเห็นเพื่อเสนอสำนักราชเลขาธิการ พิจารณาผู้ที่ร่วมลงรายชื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 17 ต.ค.2552 จำเลยยังได้ขึ้นเวทีปราศรัยของกลุ่ม นปช.ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ใส่ร้ายนายอภิสิทธิ์ขณะเป็นนายกรัฐมนตรีทำนองว่า เป็นอาชญากรและฆาตกรสั่งฆ่าประชาชน อย่างเลือดเย็น มีการสร้างสถานการณ์ทางการเมือง โดยได้มีการเผยแพร่คำปราศรัยผ่านสถานีโทรทัศน์พีเพิล แชนแนล ซึ่งล้วนเป็นเท็จทำให้โจทก์ ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชัง
นายจตุพร จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดีมาโดยตลอด
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 ม.ค. 58 เห็นว่า นายจตุพร กระทำผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษทุกกรรม จำคุกกระทงละ 1 ปี จำนวน 2 กระทง รวมจำคุก 2 ปี และลงโฆษณาคำพิพากษาย่อ ใน นสพ.รายวัน 3 ฉบับโดยจำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา ทั้งนี้เมื่อพิเคราะห์พฤติกาณ์การกระทำผิดของจำเลยแล้ว มีถ้อยคำบางช่วงบางตอนที่ไม่เป็นการสมควรอย่างยิ่ง อาจกระทบต่อสถาบันอันเป็นที่เคารพสักการะของปวงชนชาวไทยโทษจำคุกจึงไม่เห็นควรรอการลงโทษ
นายจตุพร ยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
นายจตุพร ยื่นฎีกาอีก ขอให้ศาลฎีการอการลงโทษด้วย
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือโดยละเอียดรอบคอบแล้วเห็นว่า จำเลยปราศรัยหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์เพื่อให้ประชาชนออกมาขับไล่โจทก์ในฐานะเป็นรัฐบาล ซึ่งเป็นการหมิ่นประมาทใส่ร้ายโจทก์ตามฟ้องจริง ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้ศาลรอลงอาญานั้น เมื่อพิจารณาเเล้วเห็นว่า ถ้อยคำของจำเลยไม่เป็นการสมควร หมิ่นเหม่กระทบสถาบันจึงไม่มีเหตุรอการลงโทษ เเต่ในชั้นฎีกาจำเลยในยอมรับว่า ได้ปราศรัยถ้อยคำดังกล่าวจริงที่ศาลล่างพิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย เห็นควรลดโทษบ้าง จึงพิพากษาเเก้ให้จำคุกกระทงละ 6 เดือน รวม 2 กระทงเป็นจำคุก 12 เดือน นอกจากที่เเก้ให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น
เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้เบิกตัวนายจตุพร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกาโดยมีภรรยา บุตร และนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ มาให้กำลังใจ เนื่องจากในขณะนี้นายจตุพร ถูกคุมขัง ตามคำพิพากษาศาลฎีกา ให้จำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา คดีหมายเลขดำ อ.1962/2552 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจตุพร เป็นจำเลยอีกคดีหนึ่ง กรณีเมื่อวันที่ 10 พ.ค.52 นายจตุพร ได้กล่าวปราศรัยใส่ร้ายนายอภิสิทธิ์ ทำนองว่า รัฐบาลนายอภิสิทธ์ เป็นรัฐบาลภายใต้ทรราชฟันน้ำนม สั่งให้คนเสื้อน้ำเงินยิงคนเสื้อแดงช่วงการประชุมอาเซียน ที่พัทยา จ.ชลบุรี สร้างสถานการณ์ที่กระทรวงมหาดไทยว่าถูกกลุ่มคนเสื้อแดงทุบรถเพื่อใส่ร้ายคนเสื้อแดง รวมทั้งกล่าวหาว่า โจทก์เป็นคนสั่งทหารให้ไปยิงประชาชน เป็นฆาตกรมือเปื้อนเลือดฆ่าประชาชน ใส่ร้ายประชาชนกลุ่มคนเสื้อแดง โจทก์จะต้องถูกประหารชีวิต ข้อหาฆ่าคนตาย และข้อความอื่น ๆ ซึ่งล้วนเป็นเท็จ
คดีนี้ทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนให้ยกฟ้องนายจตุพร เนื่องจากเห็นว่า การกระทำของนายจตุพรไม่เป็นความผิด นายอภิทธิ์ จึงยื่นฎีกา ขอให้ศาลฎีกา พิพากษาลงโทษนายจตุพร จำเลยด้วย
ต่อมาศาลอาญา ได้อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา เมื่อวันที่ 20 ก.ค.2560 โดยศาลฎีกา เห็นว่า การกระทำของนายจตุพร เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นให้ได้รับความเสียหายจริง เพราะไม่ได้แสดงความเห็นโดยสุจริต และไม่เป็นการติชมด้วยความเป็นธรรมที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
จึงพิพากษากลับให้จำคุกนายจตุพร 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา และโฆษณาคำพิพากษาใน นสพ.รายวัน 3 ฉบับเป็นเวลา 7 วัน โดยจำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณาเองทั้งหมด