จับตา-ติดตาม “สสว.” ใช้งบ การจัดโครงการณ์ต่างในการสนับสนุน ภาคการเกษตร-วิสาหกิจ ได้ผลคุ้มค่าภาษี-โปร่งใสแค่ใหน???

กลุ่มเกษตร -โอท็อป-วิสาหกิจชุมชน ร้องเครือข่าย"ยุติธรรม"เรื่องงบ"สสว."

0
1145

ถึง!!!เวลาหรือยัง ให้ภาครัฐฯที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือดำเนินการด้าน วิสาหกิจ อย่าต่างคนต่างทำ เปิดช่องให้ผู้ที่ไม่มีศักยภาพมาถลุงงบ -ภาษี ประชาชน

กลุ่มเกษตร -โอท็อป-วิสาหกิจชุมชน ร้องเครือข่าย”ยุติธรรม”

หน่วยงานที่รับงบ ด้านนี้ ได้ใช้เงินสนับสนุน จาก รัฐบาลเกือบทุกสมัย ที่มุ่งสนับนสุนภาคเกษตร-โอทอป-วิสาหกิจ ให้มีการพัฒนาเพื่อช่วยเหลือตนเองให้สามารถ ผลิต-จำหน่ายสินค้าจากภาคเกษตร แปรรูปอาหาร-สมุนไพรแปรรูป อุปโภค-บริโภค นับป็นเวลากว่าสิบๆปีมาแล้ว ที่ทุกรัฐบาลฯได้ทุ่มงบประมาณ สู่หน่วย งานหลัก คือ สสว.ชื่่อเต็มว่า “สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม” ซึ่งแต่ละปีรัฐฯ” ได้ให้งบประมาณกับหน่วยงานี้สูงในแต่ละปี และ รัฐฯก็ได้ทุ่มเม็ดเงิน งบประมาณ ปีละนับเป็นหลายพันล้าน ให้กับหน่วยงานรัฐฯที่ทำงานด้านนี้ ซึ่งในปีนี้ “รัฐบาล พล.อ. ประยุทธฯ” ได้โยนงบประมาณลงมาทุ่มด้านนี้อย่างมาก ด้วยวงงบสูงกว่า หมื่นล้านบาท  จึงเป็นจับตาของหน่วยงานต่างๆที่จะตามล่า งบประมาณประเภทนี้ เพราะ ใช้เงินได้อย่างเปรมปรีย์ ขาดการตรวจสอบใดๆ เพราะจัดกันตามโปรแกรมที่แค่การใช้การ อบรม หน่วยงาน มหาวืทยาลัย ทำโครงการณ์ เสนอของบ แล้วไปจ้างบุคคลภายนอก มาเป็นวิทยากร หัวข้ออบรมก็พื้นๆๆขนาดเปิดหาดูจาก”กูเกิล” ยังได้รับความรู้เรื่องเหล่านี้มากกว่าวิทยากรของโครงการเสียอีกนี้ ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับผู้อบรมแต่ประการใด เพราะไม่ใช่กลยุทธที่แตกต่างกว่าที่มีอยู่ใน”กูเกิล” จึงไม่จำเป็นต้องไปอบรม ซึ่งเสียค่าใช้จ่าย ใช้งบภาษีอย่างมาก รูปแบบมักใกล้เคียงกันที่ทุกๆหน่วยงานที่รับงบจาก สสว. คือมีหน่วยงานด้านการศึกษามาทำโครงการณ์ ตั้งการขอวงเงิน ถึงขั้นวางแผนจะขอทำงบ จาก สสว.ติดต่อกันกว่า 5ปี แล้วไปจ้างวิทยากรด้านอบรม ด้าน จิตวิทยา เข้าครอบงำ ปลูกฝังความเชื่่อ ให้ กลุ่มต่างๆ เหล่านี้เคลิบเคลิมกับสิ่งที่วิทยากร ใช้จิตวิทยาที่เรียนฝึกมาสร้างความเพ้อฝันว่า กลุ่มเหล่านี้ จะมีความสำเร็จอย่างมหาศาล ทำนองเดียวกับวิทยากรใช้จิตวิทยากับบริษัทขายตรง ที่สร้างวิมานในอากาศ ว่าจะร่ำรวยพริบตา  ร้อยพันล้านบาท แต่นั้นคือการวาดวิมานในอากาศ สุดท้ายก็เสียเงินถูกหลอก แต่วิทยากร ที่ว่านี้ จะเป็นแค่รับจ้างรับค่าจ้างตามที่ตกลง อาจมาในรูปของ อีเว้นท์ หรือเป็นรับจ้างส่วนตัว และ หน่วยงาน อย่างเช่นวิทยาลัย ซึ่่งมีหน้าที่สอนการศึกษา ผลิตผู้นักศึกษา ให้จบมาอย่างมีความรู้มีความสามารถ แต่กลับมาใช้การให้ความรู้ด้านการศึกษา หันมาทำโครงการที่นอกเหนือจากการศึกษาชาวนา และไม่มีศักยภาพพอในด้านนี้ จัดโครงการณ์เพื่อรับงบ จาก สสว.  จัดโครงการเป็นหลัก อบรมต่างๆซึ่งผิดหน้าที่  และเป็นการเบียดบัง เอาทั้งที่สถานการศึกษาทั้งเวลาที่จะให้ความรู้กับนักศึกษา มาใช้เวลาจัดอบรม บรรดา ข้าราชการ บุคลากรเหล่านี้แทนที่จะใช้เวลาในการให้การเรียน การสอน กลับต้องมาทำงานด้านนี้ เบียดบังเวลาราชการ ผิดหน้าที่ราชการที่ใช้เวลากับการจัดโครงการณ์ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการศึกษา แม้แต่หาทางจัดโปรแกรมไปต่างประเทศ บุคคลระดับ ผอ. อาจารย์ก็ใช้เวลาการเรียน-การสอนเดินทางไปต่างประเทศ ในลักษณะไปจัดงานการตลาดต่างประเทศ หาเรื่องใช้เงินจากงบประเภทนี้ อิงแอบ เกาะหลัง เกษตร-โอทอป-วิสาหกิจฯ นอกจากได้เงินแล้วยังได้ไปเที่ยวอย่างเปรมปรีย์ ตอนก่อนไปก็สร้างภาพ มโนภาพให้อย่างมาก กลับมา ทุกอย่างก็จบไม่มีสิ่งใดดีขึ้น หน่วยงานต่างๆภาครัฐ ก็บุกเบิกตลาดต่างประเทศมาโดยตลอดแต่ยังไม่เคยเห็นภาครัฐหน่วยงานใหน ทำได้เป็นรูปธรรมในตลาดต่างประเทศตามโครงการของทุกๆปี ได้สำเร็จ ที่ทำตลาดต่างประเทศได้นั้นส่วนใหญ่คือภาคเอกชนเขาทำกันเอง  เป็นการตั้งงบ ทำมาปีแล้ว ปีเล่า หมดงบปีนี้ ปีนี้ตั้งงบผลาญกันใหม่ งบประเภทนี้ รัฐฯใช้ไปนับสิบๆปีที่ผ่านมา หลายๆแสนล้านบาท ถึงเวลาที่ รัฐฯ ต้องหันมามอง งบประเภทนี้ จัดได้ตามจริงโครงการใหม แต่ที่ผ่านมาแค่โครงฝัน เพื่อเอางบเท่านั้น สสว.3 โดยหน่วยงานการศึกษาไม่มีศักยภาพพอที่จะงานใหญ่ในระดับ ประเทศ เพราะขาดบุคลากรของตนเอง เพราะสถานศึกษานั้นมีศักยภาพในด้านการศึกษาเท่านั้น ดังนั้นการจักการอบรม แทนที่จะเป็นผู้นำ เกษตร-โอทอป-วิสาหกิจ กลับต้องเอาผลงานของเขามาอิงแอบว่าเป็นผลงานของโครงการ โดยใช้เงินงบเข้าล่อ ไปต่างประเทศ อบรม ค่าเดินทางกินอยู่ฟรี แถมได้เที่ยวต่างประเทศ โดยมีบริษัทประเภททัวร์มารับจัดอีกทอดหนึ่ง แถมมีแจกเงิน จ้างคนเข้ามาอบรม จึงจะมีคนที่มาอบรม ก็ไม่มีกลุ่มที่ตรงเป้าหมาย  ไม่มีแม้แต่ศักยภาพ ติดต่อหาคนเข้ามาร่วมอบรม แล้วก็พยายามสร้างภาพเอาผลงานที่เขามีอยู่แล้ว มาสร้างภาพว่าเกิดจากของโครงการของตนเอง สร้างภาพยายามของบ ชนิดต่อเนื่องหลายๆปี และอาจมีเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจอนุมัติงบ ร่วมมือ-ร่วมประโยชน์ ซึ่งภาคประชาคมจะจับตาการใช้ประเภทนี้ จะไม่ให้ใช้โดยขาดการตรวจสอบดังเช่นแต่ก่อนที่ผ่านๆมา และมีการเร่งรีบใช้เงินโครงการ เพิ่อให้ทันงบ ที่ได้รับมารีบจัดอบรม รีบใช้งบโดยขาดมาตราฐาน เพียงเพือทำตามที่เสนอโครงการ ใช้เงินของงบให้หมดทันปีงบประมาณที่ผ่านมา โดยยังไม่ทันได้พัฒนาตามโครงการ พาไปต่างประเทศ อ้างว่าทำตลาดการค้าต่างประเทศ แต่แท้จริงอาจแค่ต้องการใช้งบให้ได้ตามงบ  ซึ่งกลุ่มประชาคม จะตรวจสอบโครงการดังกล่าวต่อไป และเรียกร้อง ให้ ผู้อำนวยการ ลงมาตรวจสอบโครงการที่เร่งรีบจัดโครงการ ดำเนินโครงการณ์นี้ งบที สสว.เสียไปซึ่งเป็น เงิน ภาษีของประชาชน คุ้มกับกาดำเนินการโครงการนี้เพียงใด

ภาวะเศรษฐกิจ ตกต่ำเช่นนี้ งบประมาณนับหมื่นๆล้าน ช่วยเกษตร-โอทอป-วิสาหกิจ โดยตรง ไม่ต้องจับมาแล้วเงินส่วนใหญ่ไปอยู่กับเหลือบไรริ้นที่แฝงมาในรูปผู้ตั้งโครงการ แล้วจ้างบุคคลอื่นมาดำเนินการ โดยเฉพาะ สถานการศึกษาไม่มีกำลังและหน้าที่จะมาทำโครงการด้านนี้ หน้าที่โดยตรงคือจัดการเรียนการสอนให้ผลิตผู้ศึกษาอย่างมีคุณภาพสู่สังคมประเทศชาติ ทุกวันนี้การศึกษาด้าน แพทย์แผนไทยอ่อนแอมาก ไม่เคยวิจัยให้ผลิตวัตถุดิบใช้ได้เอง การอบรมการสอน อย่างเช่น  ทำสบู่ เครื่องสำอางค์ คือซื้อเนื้อสบู่ วัตถุดิบสำเร็จรูป เอามาแค่ผสมกันเท่านั้น ขนาดหน้าวืทยาลัยประเภทนี้มีร้านเครื่องวัตถุดิบไปเปิกร้านขายกันอย่างใหญ่โตหน้าวืทยาลัยกันที่เดียว อีกกี่สิบชาติ อย่าหวังสมุนไพร ไทยจะอยู่ได้ เพราะทำเป็นแค่ซื้อของสำเร็จรูป ทั้งคุณภาพก็ไม่ได้ เราะเอาสารเคฆีสำเร็จรูปจากต่างประเทศ มาทำ ไม่ได้ทั้งคุณภาพ-และราคาก็แพงจึงขายสู้สินค้า ทั้งในและต่างประเทศไม่ได้

บัดนี้มี กลุ่มเกษตร-โอทอป-วิสาหกิจ เริ่มตื่นตัวหันจับตา การใช้งบประเภทนี้ ไม่ว่าจะ จาก สสว.และหน่วยงานอื่นๆ ว่า ใช้งบไปทำโครงการนั้นทำได้จริงแค่ใหน จะขอตรวจสอบการใช้งบ ของสสว.และหน่วยงานๆอื่นที่เกี่ยวข้องด้านนี้ อย่างเข้มข้นต่อไป อาจจะต้องใชด้ ปปชใ และหน่วยงานตรวจสอบการใช้เงินรัฐหันมาสนใจงบประมาณประเภทนี้ให้มาขึ้น จะไม่ปล่อยให้ทำโดยขาดการตรวจอีกต่อไป กลุ่มๆดังกล่าว กล่าวสรุป

728x90

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.