5 พี่น้องวัย 2 – 13 ปี ใช้ชีวิตอยู่กันตามลำพังในบ้านเช่า หลังพ่อทิ้งไปมีครอบครัวใหม่ แม่ตระเวนรับจ้างตัดอ้อยต่างจังหวัด
เมื่อไปถึงบ้านเช่าหลังดังกล่าวก็พบกับเด็ก 5 คนพี่น้อง ใช้ชีวิตอยู่กันเองตามลำพังจริง คือ ด.ช.อายุ 13 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.1 , ด.ช.อายุ 11 ปี เรียนชั้น ป.5 , ด.ญ. เรียนชั้น ป.3 , ด.ญ.อายุ 6 ขวบ เรียนชั้นอนุบาล 2 และ ด.ช.อายุ 2 ขวบเศษ เรียนอยู่ศูนย์เด็กก่อนเกณฑ์ ทั้ง 5 คนเป็นลูกของ นางปณิตตา พันธ์ทา อายุ 37 ปี แต่คนละพ่อ หลังจากพ่อแม่แยกทางกันพ่อก็ไปมีครอบครัวใหม่ ส่วนแม่ก็ต้องตระเวนดิ้นรนไปทำงานรับจ้างตัดอ้อยยังต่างจังหวัด เพื่อหาเงินเลี้ยงตัวเองและลูกๆ จึงต้องปล่อยให้ลูกทั้ง 5 คนใช้ชีวิตอยู่กันตามลำพังเป็นเวลาร่วม 1 ปีแล้ว นานๆ จึงจะได้กลับมา ส่วนสาเหตุที่ต้องเช่าบ้านอยู่เพราะแม่มีภูมิลำเนาอยู่ จ.ชลบุรี ไม่มีญาติอยู่ใน จ.บุรีรัมย์ หลังแยกทางกับสามีก็ต้องขอเช่าบ้านคนในหมู่บ้านเดือนละ 500 บาท ให้ลูกอยู่อาศัย
ซึ่งช่วงที่แม่ไม่อยู่ พี่ชายคนโต อายุ 13 ปี ต้องรับภาระดูแลน้องทั้ง 4 คน โดยแต่ละวันตื่นตี 5 มาหุงข้าว ทำกับข้าว เตรียมเสื้อผ้าชุดนักเรียน อาบน้ำให้น้อง และเดินไปส่งที่โรงเรียน ก่อนที่ตัวเองจะไปเรียนในตัวอำเภอ หลังเลิกเรียนก็จะกลับมาหุงหาอาหาร ซักผ้า ล้างจาน สอนน้องทำการบ้าน และพาน้องๆ เข้านอนจนกลายเป็นหน้าที่ที่ต้องทำประจำทุกวัน ส่วนเงินที่นำมาซื้อกับข้าวและให้น้องๆ ไปโรงเรียน ก็เป็นเงินที่แม่ส่งมาให้ 1 – 2 สัปดาห์ ประมาณครั้งละ 1,000 บาท ซึ่งพี่ชายคนโตบอกว่า ต้องใช้อย่างประหยัด บางวันก็จะแวะซื้อแกงจืด หรือกับข้าวมาอย่างเดียว แล้วหุงข้าวกินกันเองทั้ง 5 คนพี่น้องตามอัตภาพ สร้างความสงสารแก่ชาวบ้านที่พบเห็น บางครั้งก็จะนำข้าว อาหารมาให้บ้าง
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้วันนี้จะมีครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์เหมือนคนอื่น ถูกพ่อทอดทิ้ง แม่ก็ต้องตระเวนรับจ้างไปเรื่อย แต่พี่ชายคนโตก็ทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่คอยดูแลน้องทั้ง 4 คนตามลำพังได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเป็นเด็กขยัน เรียนดี ได้เป็นตัวแทนไปแข่งขันทักษะวิชาคณิตศาสตร์ทั้งระดับเขต และระดับนานาชาติ คว้ารางวัลเหรียญทองมาแล้ว แต่สิ่งที่อยากได้คือ อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง ทั้งอยากมีทุนการศึกษาสำหรับตนเอง และน้องทั้ง 4 คน เพื่อจะได้เรียนสูงๆ มีความฝันอยากเป็นตำรวจเพราะเป็นอาชีพที่มั่นคง
ขณะที่พระอาจารย์อ๊อด เจ้าอาวาสวัดจันทร์นิมิต และประธานศูนย์บรรเทาทุกข์ศิษย์วัดจันทร์ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งได้รับทราบข่าวขณะเดินทางมาปฏิบัติธรรมที่วัดป่าบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ก็ได้เดินทางมาดูที่บ้านเช่าหลังดังกล่าว เมื่อเห็นสภาพก็รู้สึกหดหู่ใจที่เด็กอายุเพียง 13 ปี ต้องทำหน้าที่ดูแลน้องทั้ง 4 คนตามลำพัง จึงได้นำเรื่องราวดังกล่าวไปโพสต์ในเฟซบุ๊ก ก็มีลูกศิษย์บริจาคเงินผ่านศูนย์บรรเทาทุกข์ศิษย์วัดจันทร์ มาช่วยเหลือเด็กทั้ง 5 คนในเบื้องต้น จำนวน 8,000 บาท ทั้งนี้ ยังได้ซื้อข้าวของและจักรยานมามอบให้กับเด็ก เพื่อเป็นการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ในเบื้องต้นเท่าที่จะช่วยได้ เพราะลำพังเงินค่าแรงที่แม่ของเด็กตระเวนรับจ้างตัดอ้อย คงไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงดูทั้ง 5 คนได้