ไปแล้ว “พายุปาบึก” อ่อนกำลังเป็นดีเปรสชัน เคลื่อนลงทะเลอันดามัน
“พายุปาบึก” อ่อนกำลังลงเป็นดีเปรสชัน ก่อนเคลื่อนลงทะเลอันดามันแล้ว แต่ 9 จังหวัดยังได้รับผลกระทบ มีฝนตกหนักต่ออีกวัน อ่าวไทย-อันดามัน คลื่นสูง 3-5 เมตร …
เวลา 09.00 น. วันที่ 5 มกราคม กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศฉบับที่ 22 เรื่อง พายุโซนร้อน “ปาบึก” (PABUK) ระบุ พายุได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว เมื่อเวลา 07.00 น. ของวันนี้ และมีศูนย์กลางอยู่ที่บริเวณ อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา หรือที่ละติจูด 8.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 98.6 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อยด้วยความเร็ว 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเมื่อเวลา 09.00 น. ได้เคลื่อนลงทะเลอันดามันแล้ว
ลักษณะเช่นนี้ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ โดยจะมีผลกระทบต่อไปอีก 1 วัน ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้
สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรง โดยทะเลมีคลื่นสูง 3-5 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากลมแรง และคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือควรงดการเดินเรือต่อไปอีก 1 วัน
ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวพยากรณ์อากาศ และประกาศเตือนภัยได้ที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา https://www.tmd.go.th หรือสายด่วนพยากรณ์อากาศ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06.00 น.ของวันนี้ ถึงเวลา 06.00 น.ของวันที่ 6 ม.ค.นี้ ภาคเหนือ อากาศเย็นถึงหนาว โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 14-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-13 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็น กับมีลมแรง โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-28 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-13 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ภาคกลาง อากาศเย็น โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-28 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก อากาศเย็น กับมีลมแรง โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-28 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆมาก และมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 21-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 24-28 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 40-60 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 3-5 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 5 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆมาก และมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 24-25 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-27 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
พายุปาบึก พ่นพิษ! วันนี้ทั่วไทยเจอฝน กรุงเทพฯโดนด้วย กรมอุตุฯ เตือนภาคใต้ฝนหนักถึงหนักมาก 9 จังหวัดเตรียมรับมือ เสี่ยงเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก อ่าวไทยมีคลื่นสูง 5 เมตร ชาวเรืองดออกจากฝั่ง
กรมอุตุฯ / เมื่อวันที่ 5 ม.ค. กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง โดยจะมีผลกระทบต่อไปอีก 1 วัน ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้
สำหรับบริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูง 3-5 เมตร และทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากลมแรง และคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือควรงดการเดินเรือต่อไปอีก 1 วัน
ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา พายุโซนร้อน “ปาบึก” (PABUK) มีศูนย์กลางอยู่บริเวณอำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อยด้วยความเร็ว 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนลงทะเลอันดามันในวันนี้ (5 ม.ค. 62)
ลักษณะเช่นนี้ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรง
นครศรีฯอ่วม พิษปาบึก ซัดบ้านพัง ขาดแคลนอาหาร-ไฟฟ้าถูกตัด
พิษปาบึก – เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 5 ม.ค. ที่ ซอยริมคอลงหน้าเมือง ต.ปากนคร อ.เมืองนครศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช
เปิดเผยสภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้าน หลังจาก พายุโซนร้อน ปาบึก อ่อนกำลังลง และพัดผ่าน ไปยัง จ.กระบี่ แล้ว แต่ในตัวเมือง จ.นครศรีธรรมราช ยังคงมีน้ำท่วมขังเป็นบางแห่ง
ที่ได้รับผลกระทบจาก พายุโซนร้อน ปาบึก ที่พัดผ่านขึ้นฝั่ง มาเมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา
ส่งผลให้มีน้ำท่วมสูง บริเวณในตัวเมืองบางจุด ขณะนี้ยังมีบางหมู่บ้าน น้ำท่วมสูงบางแห่ง
แต่สภาพอากาศตอนนี้ดี ฝนไม่ตก ลมไม่แรง ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีมาก แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีบางหมู่บ้าน คาดว่าหากสภาพอากาศดีแบบนี้ตลอดทั้งวัน จะทำให้ปริมาณน้ำลดลงเรื่อยๆ
ส่วนสภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้านขณะนี้ บางครอบครัวต้องอดข้าวอดน้ำ หรือ มีอาหารทานน้อย ต้องรับประทานอย่างประหยัด เนื่องจากร้านค้า และห้างสรรพสินค้าในตัวเมือง และนอกเมืองบางแห่งปิด ของขาดตลาด ทำให้ไม่มีอาหารตุน
ด้านปั๊มน้ำมัน บริเวณโดยรอบตัวเมือง และรอบตัวเมือง ส่วนใหญ่ปิดให้บริการหมด ชาวบ้านจึงค่อนข้างเดือดร้อน แต่คาดว่า สถานการณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงเย็นวันนี้ ร้านค้าอาจจะมีทยอยเปิดร้านบ้าง
ผู้ประสพภัยกล่าวว่าฃาวบ้านที่นี่ต้องอดทน และเข้าใจสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จึงรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ได้ เพราะเตรียมตัวรับมือไว้ล่วงหน้า โดยภายหลังจากที่ พายุปาบึก อ่อนกำลังลง เราก็จะมาดูความเสียหายของบ้านเรือน ว่าจะสามารถแก้ไขและฟื้นฟูส่วนไหนได้บ้าง
ชาวบ้านที่นี่ต่างก็ช่วยเหลือกันและให้กำลังใจกันตลอด ตนเชื่อว่าอีกไม่นาน ชาวบ้านจะสามารถผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้
(ดูคลิป)
ด้านสภาพบริเวณ ถนนศรีวิชัย ต.ปากนคร อ.เมืองนครศรีธรรมราชจ.นครศรีธรรมราช ยังคงมีเสาไฟฟ้าแรงสูง และต้นไม้ขนาดใหญ่ ล้มลงมาระเนระนาดขวางถนนหลักที่ใช้สัญจรไปมา มีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ทำให้ต้องปิดถนน เหลือเพียง 1 ช่องทาง ชาวบ้านที่สัญจรไปมา เดินทางค่อนข้างลำบาก และ ไฟฟ้าก็ถูกตัดอีกด้วย
ส่วนบริเวณ ชุมชนบ้านชายทะเล ปริมาณน้ำลดลง เหลือเพียงโคลน และ ข้าวของที่กระจัดกระจาย ที่พัดพามากับน้ำ ชาวบ้านจึงได้ออกมาทำความสะอาดบ้านเรือนของตัวเองให้เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว