เชียงใหม่/เชียงราย – นักท่องเที่ยวจีนยังแห่เที่ยวทั้งเชียงใหม่-เชียงรายคึกคักต่อเนื่อง “ประตูท่าแพ” แลนด์มาร์กสำคัญของเมืองเชียงใหม่ อาตี๋-อาหมวยตรึม แม้ย่างเข้าฤดูฝน ชอบซื้ออาหารป้อนนกพิราบกับมือ พร้อมถ่ายภาพกันสนุก ขณะที่ลูกชาย “อ.ถวัลย์” บอกบ้านดำก็แน่น
วันนี้ (1 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายยังคงคึกคัก แม้ย่างเข้าหน้าฝน และมีกระแสข่าว “นักท่องเที่ยวจีนบอยคอตเที่ยวเชียงใหม่”
คุณลุงแก้ว ไชยกันทา อายุ 66 ปี อดีตคนเก็บของเก่าขายที่หันมายึดอาชีพขายอาหารนกให้แก่นักท่องเที่ยวบริเวณลานประตูท่าแพ กลางเมืองเชียงใหม่ บอกว่าแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมากพากันมาถ่ายภาพประตูท่าแพเล่นกับนกพิราบ และซื้ออาหารนกราคาถุงละ 20 บาท วันละเกือบ 100 ถุง จนเลิกอาชีพเก็บของเก่าหันมาขายอาหารนกเพียงอย่างเดียว จากนั้นก็จะนำไปป้อนให้กับนกพิราบหลายร้อยตัวที่คุ้นเคยกับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดีจนสามารถป้อนอาหารบนฝ่ามือ หรือให้นกมาเกาะตามมือหรือร่างกายอย่างใกล้ชิดเพื่อถ่ายภาพเป็นที่ระลึก จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวจีนอีกแห่ง ที่มาเชียงใหม่แล้วต้องแวะมาถ่ายภาพกับนกพิราบและประตูเมืองซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดเชียงใหม่
คุณลุงแก้วบอกว่า แต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวจีนพาครอบครัว หรือกรุ๊ปทัวร์มาถ่ายรูปประตูเมือง มาเล่นกับนกพิราบ และซื้ออาหารให้นกคึกคักเหมือนเดิม ไม่ได้ลดจำนวนลงอย่างที่มีกระแสข่าวแต่อย่างใด
ขณะที่ “บ้านดำ” เลขที่ 414 บัานแม่ปูคา ต.นางแล อ.เมืองเชียงราย สร้างโดย อ.ถวัลย์ ดัชนีย์ ศิลปินแห่งชาติชื่อดังผู้ล่วงลับ ก็ยังคงมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้าไปเที่ยวในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับ “วัดร่องขุ่น” ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมือง ที่สร้างโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติชาวเชียงรายผู้โด่งดังอีกคนหนึ่ง โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนยังคงเข้าไปถ่ายภาพและชื่นชมในผลงานทางศิลปะ-อาคาร กว่า 40-50 หลัง ที่ตั้งเรียงรายบนพื้นที่กว่า 38 ไร่ ทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวของ “บ้านดำ” ยังคงคึกคักต่อเนื่อง
ด้านนายดอยธิเบศร์ ดัชนี บุตรชายอาจารย์ถวัลย์ ผู้รับช่วงดูแล “บ้านดำ” ต่อจากบิดา กล่าวว่า กรณีปัญหาของนักท่องเที่ยวชาวจีน ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวที่้บ้านดำแต่อย่างใด กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน ยัคงเข้ามาเที่ยวจำนวนมากตามปกติ คือ วันละกว่า 3,000-4,000 คน และหากเป็นวันหยุดยาวก็จะมีมากกว่านี้
นายดอยธิเบศร์กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาเราก็มักได้ยินกระแสเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวจีนไปต่างๆ นานา บางครั้งพาดพิงถึงบ้านดำว่าถึงขั้นมีการปิดให้บริการไม่ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีน ตนยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวเป็นข่าวลือ ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะเราถือว่าคนไทยและคนจีนเป็นพี่น้องกัน เรายินดีต้อนรับชาวจีนอย่างเต็มที่ แต่ยอมรับว่ากระแสวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีนที่ผ่านมาก็มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวบ้าง ทั้งที่เชียงใหม่ และเชียงราย ดังนั้นตนจึงเห็นว่าผู้เกี่ยวข้องต้องหันมาพัฒนาเรื่องนี้
“กรณีนี้เราต้องมีการเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน และเห็นว่านักท่องเที่ยวทั่วโลกไม่จำเพาะว่าเป็นประเทศไหนต่างก็เป็นพี่น้องกัน เราควรคิดเหมือนตอนที่เราเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศดู ซึ่งเราก็อยากให้ประเทศนั้นๆ ดูแลพวกเราให้ดี ซึ่งผู้ที่มาเยือนบ้านเราเขาก็คงจะคิดเหมือนกัน” นายดอยธิเบศร์กล่าว แต่มีกระแสร์ข่าวว่า แท้จริงมีอีกหลายสาเหตุที่ เช่น”กรมการขนส่ง”ภาคเหนือ ออกมาตราการจำกัดการเดินทางเข้าออกประเทศโดยรถยนตร์ ต้องแจ้งการเข้าออกโดยกำหนดว่า เข้าทางด้านใหนต้องกลับออกทางด้านนั้น ทำให้แทนที่เขาจะเที่ยวทางเหนือ ไปจนสุดใต้ หรือภาคอื่นหรือทั่วโดยรอบของประเทศไทย ต้องวิ่งย้อนกลับมาออกทางเดิมทำให้ไม่สดวก จึงขอให้มีการทบทวน มิฉนั้นจะกลายเป็นหน่วยงานของ”รัฐฯ”นี่แหละเป็นการทำให้นักท่องเที่ยวไม่มาเสียเอง และชายแดน ช่วงขณะที่นำรถเข้ามามาควรมีการอบรมชี้แจง การปฎิบัติตามกฎหมาย และกฎจราจรของไทย แนะนำวิธีขับรถที่การขับฝั่งตรงกันข้ามกับเรามากกว่าที่จะคอยจับผิด เป็นการเอื้อประโยชน์แนะนำที่ดีก็จะเป็นการส่งเสริมให้อยากมาเที่ยวและมีการประทับใจในฐานะเจ้าบ้านที่มีต่อผู้มาเยือน |