จากหลายๆๆคดีที่ “นางไก่-หญิงไก่หรือที่ให้เรียกว่าคุณหญิงไก่”แจ้งความลูกจ้างข้อหาลักทรัพย์จำนวนหลายราย กระทั่งถูกแจ้งความกลับ นับแต่“น้องก้อย” นิสิตปี 1 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เข้าร้องทุกข์กับตำรวจกองปราบปรามเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ขอให้ตรวจสอบหลังถูกนางไก่ หรือหญิงไก่ อดีตนายจ้าง แจ้งความดำเนินคดีกับตนพร้อมบิดาและมารดาที่สน.ประชาชื่น ในข้อหาลักทรัพยโดยนางไก่แจ้งความกับสน.ประชาชื่นว่า ทรัพย์สินสูญหาย 11 รายการ โดยเฉพาะทองแท่งหนัก 40 บาท ทองรูปพรรณ และสร้อยเพชร รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท
โดยความสนสนใจของสังคม ก็คือ น้องก้อยระบุว่า นางไก่ชอบอ้างตัวเป็นคุณหญิง และมีสามีเป็นนายตำรวจยศพ.ต.ท.
ทั้งระบุว่าขณะที่ช่วยทำงานอยู่ที่คอนโดมิเนียมของหญิงไก่ ย่านประชานิเวศน์ 1 หากหญิงไก่อยู่ห้องพัก ทุกคนต้องหมอบคลานตลอดเวลา ที่สำคัญยังชักชวนให้ไปทำงานที่ฮ่องกง โดยอ้างว่าเคยส่งไปแล้วหลายคน ทุกคนได้รับค่าตอบแทนสูง
แต่แม่น้องก้อยปฏิเสธ แต่หญิงไก่รบเร้าจนทนไม่ไหวเลยชวนพากันหนีออกมา กระทั่งมาทราบถูกหญิงไก่แจ้งจับฐานลักทรัพย์ 10 ล้านบาท แล้วถูกตำรวจตามจับกุม
โดยตำรวจสน.ประชาชื่น มีหลักฐานเพียงภาพจากกล้องวงจรปิดที่ตนหิ้วกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้องในคอนโดของหญิงไก่เท่านั้น ก่อนถูกส่งไปสถานพินิจฯนาน 2 เดือนก่อนปล่อยตัว ทำให้ครอบครัวได้รับความทุกข์อย่างมาก
และต่อมาวันที่ 28 มิ.ย. มี น.ส.วณิชยา หรือมีน บุ้นสุนเฮง อายุ 21 ปี ชาวจ.สมุทรปราการ เข้าร้องทุกข์กับตำรวจกองปราบปรามให้ดำเนินคดีกับหญิงไก่ ในข้อหาแจ้งข้อความเท็จ กลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา
น.ส.วณิชยาระบุว่าเมื่อปี 2558 แม่ของตนทำงานเป็นแม่บ้านให้หญิงไก่ ก่อนหญิงไก่ชักชวนให้ไปทำงานต่างประเทศ แต่แม่ได้ปฏิเสธและขอลาออก และถูกหญิงไก่แจ้งความที่สน.ประชาชื่น ฐานลักทรัพย์ ทั้งแหวนเพชรและนาฬิกาข้อมือ มูลค่า 3.26 ล้านบาท
แม่ของตนยืนยันว่านำเพียงถุงใส่เหรียญไปและคืนให้หญิงไก่แล้ว ก่อนถูกตำรวจตามจับกุมและส่งแม่ของตนไปฝากขังไว้ที่เรือนจำคลองเปรม เพราะไม่มีหลักทรัพย์ยื่นประกันตัวตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค.2558
และต่อมา “หญิงไก่”พร้อมทนายความได้เปิดโรงแรมแถลงข่าวตอบโต้ ยืนยันไม่ได้กลั่นแกล้งผู้เสียหาย เด็กสาวคนดังกล่าวเข้ามาทำงานในฐานะเด็กรับใช้พร้อมกับพ่อแม่ แต่ทำงานเพียง 10 วันเกิดปัญหา เนื่องจากทรัพย์สินส่วนตัวหายไป จึงแจ้งความที่สน.ประชาชื่นตรวจสอบกล้องวงจรปิดมีหลักฐานเป็นภาพเด็กสาวขโมยทรัพย์สินไป พร้อมปฏิเสธกรณีมีคนรับใช้ถูกแจ้งความฐานลักทรัพย์แล้วหลายคน แต่มีถูกดำเนินคดีแค่ 5 คนเท่านั้น เพราะมีความผิดชัดเจน
พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รองผบก.ป. กล่าวว่าพนักงานสอบสวนประสานให้พ่อแม่ของน้องก้อยเดินทางเข้ามาร้องทุกข์กล่าวโทษอดีตนายจ้าง จากนี้ จะประสานไปยังตำรวจสน.ประชาชื่น เพื่อนำตัวพ่อแม่ของน้องก้อยไปมอบตัว ในกรณีถูกอดีตนายจ้างแจ้งความดำเนินคดีก่อนหน้านี้ โดยจะมอบหลักฐานสำคัญที่เชื่อว่าพ่อแม่ของน้องก้อยไม่ได้กระทำความผิดให้กับพนักงานสอบสวนพิจารณาปล่อยตัว โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ด้วย
ส่วนคดีของนางสุกัญญา ศิริม่วง แม่ของน.ส.วณิชยา ซึ่งขณะนี้เป็นผู้ต้องหาถูกขังอยู่ในเรือนจำ เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. พนักงานสอบสวน บก.ป. เดินทางไปสอบปากคำนางสุกัญญาในเรือนจำแล้ว รายละเอียดอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน
รองผบก.ป.เผยด้วยว่า คดีนี้พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. กำชับให้เร่งดำเนินการโดยเร็ว เพราะยังมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ต้องการความช่วยเหลือ
คำถามในสังคมอื้ออึงกับคำว่าใครคือคนที่เป็นข่าวว่าขื่อ”คุณหญิงไก่ ” เวลาเดียวกันวงการต่างๆ ได้พากันรื้อฟื้นข่าวคราวเก่าๆ และพบว่า “นางไก่”ไม่ใช่คนหน้าใหม่ แต่วนเวียนในวงการ เป็นที่รู้จักโดยเฉพาะในวงการตำรวจ และวงการเมือง
หญิงไก่ มีนามจริงว่า นางวันทนีย์ หยกวิริยะกุล ต่อมาในปี 2548 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นนางสุชาดา หยกวิริยะกุล
ครั้งสุดเปลี่ยนชื่อและนามสกุลอีกครั้งเป็นนางมณตา หยกรัตนกาญ
หญิงไก่หรือนางไก่หรือที่อ้างเป็น”คุณหญิงไก่” ตกเป็นข่าวโด่งดังเมื่อปี 2529-2530 คดีแก๊งตุ๋นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ โดยหญิงไก่เป็นพยานปากสำคัญในคดีนี้
“นางไก่”เป็นน้องสาวของนางดวงฤทัย จารุจินดา หรือกิมเอ็ง แซ่เตีย ผู้ต้องหาคนสำคัญ ซึ่งทำหน้าที่เป็นนายหน้าตุ๋นคนดังในสังคมขณะนั้น เพื่อแลกกับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อย่างไรก็ตามทางตระกูลจารุจินดาเคยออกมาชี้แจงว่าไม่พบนางดวงฤทัย จารุจินดา อยู่ในสารบบของตระกูล
เหตุเริ่มต้นของคดีเครื่องราชฯ มาจากสำนักเลขาธิการครม.สมัยพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ในปี 2529
พบว่า มีรายการขอรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ปี 2529 ในส่วนของผู้ทำคุณประโยชน์แก่ทางราชการกว่า 750 รายการ ที่ระบุบริจาคเงินและสิ่งของให้วัดและโรงเรียนต่างๆ โดยมีใบอนุโมทนาบัตรระบุจำนวนเงิน 1,400 ล้านบาท ส่อเค้าไม่ถูกต้อง
ด้วยพอตรวจสอบไปยังแหล่งที่มาต่างระบุไม่ได้รับการบริจาคตามที่อ้างไว้ ทำให้ทุกหน่วยงานมีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวทั้งหมด
การสอบสวนของกระทรวงศึกษาธิการทำให้ทราบว่าคดีนี้มีพระภิกษุสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยจากพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงพระราชปัญญาโกศล หรือเจ้าคุณอุดม รองเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสในขณะนั้น
เจ้าคุณอุดมฯ ถูกสึกจากการเป็นพระและดำเนินคดีตามกฎหมาย จากนั้นเจ้าหน้าที่ยังขยายผลถึงนางดวงฤทัย หรือกิมเอ็ง
โดยการตรวจค้นบ้านพักพบบัญชีรายชื่อและรูปถ่ายแต่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์จำนวนมาก แต่เมื่อตำรวจตรวจสอบย้อนหลังกลับไม่ปรากฏชื่อนางกิมเอ็งในรายการผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชฯ ในราชกิจจานุเษกษา และมีหลักฐานเชื่อมโยงกันระหว่างเจ้าคุณอุดมและนางกิมเอ็งด้วย
คดีลุกลามถึงบุคคลหลายวงการ เจ้าหน้าที่สอบสวนพบนางกิมเอ็ง ทำหน้าที่เป็นนายหน้า นำพาคนดังในสังคมที่อยากมีเกียรติยศมาให้เจ้าคุณอุดม เพื่อทำเรื่องบริจาค เพื่อเป็นหลักฐานไปขอเครื่องราชฯ
พยานปากสำคัญในเรื่องนี้ คือ ‘นางไก่’ หรือนางวันทนีย์ น้องสาวของนางกิมเอ็ง เนื่องจากนางไก่จะรู้ถึงอุปนิสัยและพฤติกรรมในการหลอกลวงของพี่สาวอย่างดี รวมถึงการแต่งกายของนางกิมเอ็งที่มักชอบนำสายสะพายเครื่องราชอิสริยาภรณ์มาสวมใส่แอบอ้างหลอกลวง
นอกจากนี้นางไก่ยังเป็นโจทก์แจ้งความเอาผิดกับนางกิมเอ็ง ฐานฉ้อโกงด้วย
ก่อนปรากฏข่าวว่า นางไก่พยายามกินยาฆ่าตัวตาย โดยระบุว่า น้อยใจผู้ใหญ่ในบ้านเมืองตอนนั้นเคยรับปากจะให้ความคุ้มครอง แต่สุดท้ายกลับปฏิเสธ ทำให้เสียใจและกินยาหวังฆ่าตัวตายในห้องพัก แต่เจ้าหน้าที่ช่วยนำตัวส่งโรงพยาบาลได้ทัน จนกระทั่งคดีนี้สิ้นสุดลง
ชื่อของ”นางไก่”ยังปรากฏประปราย ในแวดวงตำรวจและแวดวงส.ส. ก่อนที่เธอมาปรากฏตัวทำธุรกิจและพักในย่านประชานิเวศน์1
กลายป็นข่าวดังอีกครั้งในคดีแจ้งจับคนใช้ถึง 4 คน ในข้อหาลักทรัพย์ทั้งหมด
การให้สัมภาษณ์รายการโทรทัศน์ เธอปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคุณหญิง แต่ระหว่างที่ทำบุญ จะมีเสียงเรียกเธอว่า หญิงไก่ บางคนอยากให้สุภาพ จึงเพิ่มเติมคำว่า “คุณ”เข้าไป
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่มีปากคำผู้เสียหาย และพยานหลักฐานที่ระบุว่า ข้อเท็จจริงอาจจะมีมากกว่าที่เธอยืนยันผ่านรายการทีวี
ส่วนที่มีข่าวว่า รู้จักกับหมอหยอง “นางไก่”ก็ปฏิเสธเช่นกันว่าไม่เคยเกี่ยวข้องด้วย
วิถีชีวิตของ “นางไก่-หญิงไก่หรือที่ให้เรียกว่าคุณหญิงไก่”จะเป็นเช่นใด ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน แต่ต้องไม่มองข้ามความผิดพลาดที่ต้องให้ความเป็นธรรมต่อผู้เสียหายทั้งหลายที่ได้รับผลกระทบต่อการกระทำของ “นางไก่”