#หนังสือพิมพ์รายวัน”ข่าวประเทศไทย”
#ข่าวทั่วไทย-ไกลทั่วโลก#
เพื่อ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ประชาชน ผดุงความธรรมในสังคม
#เปิดอ่านทาง WEBSITE:HTTPS://WWW.THAILANDWORLDNEWS.COM
หนังสือพิมพ์รายวัน”ข่าวประเทศไทย#
#นายสิทธิชัย ไชยกิจ (ชัย บางสะแก) เจ้าของ-บรรณาธิการ #
#ติดต่อกองบรรณาธิการ ##ประสงค์ ส่งข่าวสาร-ประชาสัมพันธ์
ร้องเรียนขอความเป็นธรรม”เครือข่ายบุติธรรม”
ส่งที่อีเมล : THAILANDWORLDNEWS@GMAIL.COM เพื่อความเป็นธรรมในสังคม
******************************
หนุ่มงงหนัก โดนใบสั่ง เพราะจอดจยย.คุยโทรศัพท์ ตร.บอก ถ้าจะใช้มือถือ ห้ามค่อมจยย.
วันที่ 12 ก.ค. มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Guy Thanapon ได้โพสต์คลิปขณะกำลังพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จราจร สน.บางโพงพาง ที่บริเวณหน้าปากซอยตลาดรุ่งเจริญ ถ.สาธุประดิษฐ์ พร้อมสอบถามด้วยความมึนงงว่า มันมีด้วยเหรอครับพี่ข้อหานี้ ผมจอดรถจยย.ริมถนน เพื่อคุยโทรศัพท์ ผมไม่ได้ขับขี่
ขณะที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า ไม่ได้ ถ้าคุณจะจอดรถจยย.ใช้โทรศัพท์คุณต้องลงมาจากรถจยย. ไม่ใช่นั่งค่อมแล้วใช้โทรศัพท์ นอกจากนี้ผู้โพสต์ยังได้ระบุข้อความอีกว่า “จอดรถรับโทรศัพท์ #แต่คร่อมรถไว้ ผิดกฎหมายโดนจับนะครับ ระวังกันไว้ด้วย #พื้นที่บางโพงพาง”
ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
แจงคลิปหนุ่มขับขี่มอเตอร์ไซค์
ถูกตำรวจออกใบสั่ง ข้อหา “ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ”
ทั้งที่จอดรถคุยโทรศัพท์ไม่ได้ขับขี่ ชี้เป็นการใช้มือถือในขณะควบคุมรถอยู่ในทางเดินรถ
ไม่ว่าจะเคลื่อนที่หรือหยุดก็ผิดกฎหมาย
จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Guy Thanapon” โพสต์วิดีโอคลิปโดยระบุว่า “จอดรถรับโทรศัพท์ แต่คร่อมรถไว้ผิดกฎหมายโดนจับนะครับ ระวังกันไว้ด้วย พื้นที่บางโพงพาง” ในคลิปเป็นการโต้เถียงกับตำรวจจราจรนายหนึ่งที่ออกใบสั่ง กล่าวว่า “อะไรพี่ ผมอยากรู้ ผมจอดรถคุยโทรศัพท์เนี่ย ผมโดน ผมอยากรู้เหมือนกันว่าจับข้อหาผมจอดรถคุยโทรศัพท์” เมื่อตำรวจกล่าวว่า “ยังอยู่บนรถไหม” เจ้าตัวกล่าวว่า “ผมอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์ ผมจอดรถคุยโทรศัพท์ ผมไม่ได้ขับขี่เลยนะพี่ มันมีข้อหานี้ด้วยเหรอครับ ผมเพิ่งรู้ ผมเพิ่งรู้ไง ผมรู้ว่าเออ ต้องแบบว่าจอดคุย เออ ผมขับขี่แล้วพวกพี่อยู่บนรถยนต์นะพี่”
ขณะที่ตำรวจกล่าวให้ไปโรงพักด้วยกัน และอธิบายว่า อยู่บนจักรยานยนต์ต้องหยุดใช้โทรศัพท์ ถ้าจะใช้ต้องจอดรถแล้วลงจากรถ ซึ่งเจ้าของคลิประบุว่า “ผมก็เพิ่งเคยเจอ สน.นี้” พร้อมกับภาพใบสั่งระบุชื่อ นายธนพล วงศ์สุวรรณ ขับขี่จักรยานยนต์ฮอนด้า หมายเลขทะเบียน 9 กต 7564 กรุงเทพมหานคร ข้อหาใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ เหตุเกิดเมื่อบ่ายวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลมีเดีย ตำหนิเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมาก
ล่าสุด ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ชี้แจงว่า
กรณีดังกล่าว สน.บางโพงพาง ชี้แจงว่า นายธนพลหยุดรถบริเวณสัญญาณไฟจราจรทางม้าลาย ปากซอยสาธุประดิษฐ์ 34 (พัฒนาการ 1) ถนนสาธุประดิษฐ์ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ โดยไม่ดับเครื่องยนต์ หลังจากนั้นได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาใช้งานซึ่งอยู่ระหว่างการควบคุมรถ
หลังจากนั้นสักพักจึงได้ขับขี่รถออกมา ทำให้ ด.ต.ดิเรก เทพนภาภรณ์ ผบ.หมู่ (จร.) สน.บางโพงพาง ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณดังกล่าวได้เรียกให้หยุดและขอตรวจสอบใบอนุญาตขับขี่ พร้อมกับแจ้งข้อหาให้ทราบว่าใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ พร้อมได้ออกใบสั่งและได้เรียกเก็บใบอนุญาตขับขี่ไว้ ตามใบสั่งเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่เลขที่ 19 เล่มที่ 401186
เห็นได้ว่าการกระทำของผู้โพสต์ นั้นเป็นการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะควบคุมรถอยู่ในทางเดินรถ ไม่ว่ารถดังกล่าวจะอยู่ในระหว่างการเคลื่อนที่หรืออยู่ในระหว่างการหยุดรถตามสัญญาณจราจร โดยยกเว้นไว้เฉพาะการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนาโดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่เท่านั้น อันเป็นความผิดตามมาตรา 43 (9) และมาตรา 157 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จราจรทางบก พ.ศ. 2522 (เทียบเคียง บันทึกคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่องเสร็จที่ 1181/2558)
วันที่ 13 ก.ค.62 ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ แห่งเพจ ทนายคลายทุกข์
ได้กล่าวถึง กรณีดังกล่าวว่า เป็นการตีความกฎหมายแบบแปลกๆ เข้าใจว่าตำรวจปฏิบัติหน้าที่
แต่มองว่าไม่ค่อยเหมาะสม มีหลายกรณีที่ควรจับมากกว่านี้ เช่น ขี่รถย้อนศร ตั้งสิ่งของกีดขวางทางจราจร
กฎหมาย พ.ร.บ.จราจรทางบก พศ.2522 มาตรา 43 บอกว่าห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถ (9) ในขณะใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ เว้นแต่ใช้อุปกรณ์เสริมโดยไม่ต้องจับโทรศัพท์เคลื่อนที่
ที่ผ่านมาเคยมีคำพิพากษาศาลฎีกา 68/2545 ความผิดต้องเป็นผู้ขับรถที่กำลังแล่นอยู่ ไม่ใช่กรณีจอดรถ และฎีกา 2210/2544 ผู้ขับรถหมายถึง ต้องเป็นกรณีขับรถที่กำลังแล่นอยู่ หาใช่กรณีที่จอดรถอยู่ไม่
ดังนั้นการนั่งคร่อมรถจักรยานยนต์อยู่ไม่ว่าจะดับเครื่องหรือไม่แล้วใช้โทรศัพท์ไม่เป็นความผิด การใช้โทรศัพท์ระหว่างรถติดก็ไม่มีความผิดเช่นกัน จะตีความอย่างอื่นไม่ได้ เพราะมีแนวคำพิพากษาอยู่
ทนายเดชา ยังอ้างด้วยว่าเจตนารมณ์ของกฎหมายเขียนไว้เพื่อไม่ให้เสียสมาธิระหว่างขับรถ ทำให้เกิดความระมัดระวัง ฉะนั้นระหว่างรถจอดจึงใช้โทรศัพท์ได้ กฎหมายไม่ได้ห้าม
พร้อมเสนอว่าถ้าถูกตำรวจจับข้อหานี้ให้สู้คดี ถ้าตำรวจยังจับให้ฟ้องกฎหมายอาญา มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทนายเดชา กล่าวถึง กรณีที่ตำรวจอ้างการตีความกฎหมายของสำนักงานกฤษฎีกาว่า เป็นเพียงความเห็นทางกฎหมาย ไม่ใช่คำตัดสินของศาล หลายเรื่องที่กฤษฎีกาตีความมาศาลก็ไม่เชื่อ
ความเห็นไม่ตรงกัน กรณีคร่อมรถจักรยานยนต์ที่ยังติดเครื่องแล้วใช้มือถือ ตำรวจชี้ไม่ว่าจะเคลื่อนที่หรือหยุดรถสัญญาณจราจรถือว่าอยู่ระหว่างควบคุมรถ ด้าน ทนายเดชา แห่งเพจทนายคลายทุกข์แย้ง ยกคำพิพากษาฎีกา มีความผิดเฉพาะกรณีที่รถแล่นอยู่เท่านั้น
ต่อมาช่วงดึกวันที่ 12 ก.ค. เฟซบุ๊ก ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร. อธิบายถึงกรณีดังกล่าว ว่า ตำรวจ สน.บางโพงพาง ที่เป็นผู้จับกุมชี้แจงว่า ผู้โพสต์จอดรถบริเวณสัญญาณไฟจราจรทางข้าม ปากซอยสาธุประดิษฐ์34 โดยไม่ดับเครื่องยนต์ หลังจากนั้นได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาใช้งาน ซึ่งอยู่ระหว่างการควบคุมรถ เมื่อขับรถต่อเจ้าหน้าที่จึงเรียกให้หยุดแจ้งข้อหาและออกใบสั่ง
พร้อมระบุว่า “การกระทำของผู้โพสต์ นั้นเป็นการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะควบคุมรถอยู่ในทางเดินรถ ไม่ว่ารถดังกล่าวจะอยู่ในระหว่างการเคลื่อนที่หรืออยู่ในระหว่างการหยุดรถตามสัญญาณจราจร”