กรณีมีข่าวกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ตั้งกรรมการสอบ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ 3 แห่งคือ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี อุทยานแห่งชาติสิมิลัน และอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา ข้อหาคอรัปชัน ท่ามกลางความกังขา ของหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เนื่องจาก อุทยานแห่งชาติดังกล่าว ทำรายได้รวมกันเกือบ 2 พันล้านบาทภายในเวลาไม่ถึง 1 ปี ภายหลังจากเปลี่ยนหัวหน้าอุทยาน โดยก่อนหน้านี้แต่ละแห่งทำรายได้ไม่ถึง 100 ล้านบาทด้วยซ้ำ ทั้งๆที่มีนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวอย่างล้นหลามตลอดทั้งปีนั้น
วันที่ 14 กันยายน นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯให้สัมภาษณ์ว่า ยอมรับว่าครั้งแรกที่เห็นคำสั่งนี้ตกใจเหมือนกัน ว่าออกไปได้อย่างไร ใครเป็นคนตั้ง แต่เมื่อตรวจสอบไปแล้ว พบว่าเรื่องออกมาจากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 5 (นครศรีธรรมราช) เป็นการสอบข้อเท็จจริง หัวหน้าอุทยานคนเก่าทั้ง 3 ที่ เพราะจากการเปรียบเทียบกับยอดรายได้ปัจจุบันพบว่าแตกต่างกันมาก คือ เดิม ปี 2558 นั้น อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เก็บรายได้ได้ 84 ล้านบาท ปี 2559 แค่ 11 เดือน เก็บได้ถึง 502 ล้าน บาท อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา ปี 2558 เก็บได้ 62 ล้านบาท แต่ปี 2559 เก็บได้ 302 ล้าน บาท และอุทยานแห่งชาติสิมิลัน ปี 2558 เก็บได้ 40 ล้านบาท แต่ปี 2559 เก็บได้ 185 ล้าน บาท ในความเป็นจริงแล้ว จะต้องสอบว่า ทำไมเมื่อก่อนเก็บได้แค่นี้ แล้วเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างภายในอุทยานฯตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงตัวหัวหน้าอุทยาน การเปลี่ยนระบบหลายอย่างทำให้รายได้เพิ่มขึ้นจำนวนมาก จะต้องให้หัวหน้าคนเก่าทั้ง 3 แห่ง มาชี้แจง รวมทั้งให้หัวหน้าคนใหม่เข้ามาให้ข้อมูลว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
“ที่ยอมรับคือ หนังสือที่ทางสบอ.5 ทำออกไปนั้น อาจจะไม่มีความชัดเจน ทำให้ทุกฝ่ายเข้าใจคลาดเคลื่อนไปหมด ขอเรียนว่า ตัวผมเองรู้สึกชื่นชมหัวหน้าอุทยานคนใหม่ ทั้ง 3 คน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทุกคนเสียด้วยซ้ำที่เสียสละทำงานให้ขนาดนี้ โดยที่ผ่านมา ทั้งตัวพล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีทส.และตัวผม ก็ได้เข้าไปตรวจเยี่ยมพื้นที่อุทยานแห่งชาติเหล่านี้มาตลอด เห็นการทำงานเป็นอย่างดี ยิ่งตรวจสอบจากเอกสารก็เห็นความแตกต่างชัดเจน แต่ต้นเหตุของความเข้าใจคลาดเคลื่อนในเรื่องนี้ มาจากการที่ทาง สบอ.5 นั้น ได้รับการร้องเรียนผ่านทางเว็บไซด์ว่า ในพื้นที่นั้นมีขยะจำนวนมาก เก็บเงินรายได้ ได้มากขนาดนี้ ทำไมยังปล่อยให้มีขยะอยู่ กรมไม่ได้ตั้งกรรมการสอบ แต่ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งพบว่า ขยะในทะเลนั้น แม้จะมีการเคลียร์ทำความสะอาดไปแล้วในช่วงเย็น แต่ด้วยลมฟ้าอากาศ ที่เกิดขึ้น ก็อาจจะมีคลื่นซัดขยะจากพื้นที่อื่นเข้ามาได้อีก เป็นเรื่องปกติ ส่วนเรื่องเงินรายได้อุทยานฯนั้นตามระเบียบแล้ว รายได้ที่เก็บได้ในปี 2559 ใช่ว่าจะเอามาใช้ได้ทันที แต่อุทยานนั้นๆจะต้องนำส่งเข้ามายังส่วนกลาง และสามารถนำมาใช้ได้ในปีถัดไป โดย 5% ของเงินที่ได้มาจะส่งกลับคืนไปยัง องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)ในพื้นที่นั้นๆ 20% กรมอุทยานเก็บไว้ 50% บำรุงอุทยานที่จัดเก็บได้ 10% เป็นสวัสดิการให้เจ้าหน้าที่ โดยเงินรายได้อุทยานที่ถูกจัดเก็บไว้กับส่วนกลางนั้น ตั้งแต่ที่ตนเข้ามารับตำแหน่งนั้นการใช้จ่ายทุกอย่างต้องผ่านคณะกรรมการทั้งหมด”นายธัญญา กล่าว
อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า หลังจากนี้จะให้ทางฝ่ายกฏหมาย ออกหนังสือเรื่องตั้งกรรมการสอบใหม่ ให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้ใครเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนขึ้นมาอีก
“เราต้องการนำพา กรมอุทยานไปสู่ อุทยานยุค 4.0 ไม่ใช่ 0.4 การปฏิบัติการทุกอย่างต้องมีความโปร่งใส ชัดเจน นับตั้งแต่ยุคของ คณะกรรมการรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เข้ามา เราสามารถทำอะไรได้หลายอย่าง หากไม่ทำในยุคนี้คิดว่า ต่อไปก็คงทำยากแล้ว”นายธัญญา กล่าว