จับกุมผู้ต้องหาที่ลักพาตัว”น.ส.พลอยนรินทร์ ผลิผล”หลังจากที่ลูกสาวของ”นางพัชรี” หายสาบสูญไปกว่า 3 ปี
ระบุว่า ถ้าบุตรสาวยังอยู่จะมีอายุ 28 ปี ได้หายตัวไปขณะเดินทางกลับจากที่ทำงานเมื่อเดือนพ.ค.2557 โดยมีหลักฐานชี้ว่า “ส.อ.พลกฤต วิเศษ” เป็นผู้ที่ลักพาตัวบุตรสาวไป เนื่องจากวันเกิดเหตุมีภาพจากกล้องวงจรปิดว่าส.อ.พลกฤตได้ไปจอดรถดักรอแถวที่ทำงานลูกสาว หลังจากวันนั้นก็ขาดการติดต่อกับลูกสาว และส.อ.พลกฤตก็หายตัวไปจึงได้ไปแจ้งความไว้ที่สน.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา จนเวลาผ่านมากว่า 3 ปีแล้วยังไม่รู้ชะตากรรมลูกสาวว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร
ต่อมาตำรวจ สภ.ท่าเรือ สืบทราบว่าส.อ.พลกฤตได้หลบหนีมาอยู่กับแฟนใหม่ในพื้นที่ อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา จึงประสานตำรวจ สภ.หนองบุญมาก และทหารจากกรมทหารราบที่ 23 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ กองทัพภาคที่ 2 เข้าปิดล้อมพื้นที่หมู่ 1 ต.หนองไม้ไผ่ อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา เพื่อไล่ล่าจับกุมส.อ.พลกฤต ก่อนตามล็อกตัวได้ สารภาพนำศพไปทิ้งในเขตอำเภอแก่งคอย จ.สระบุรี เหตุเพราะความหึงหวงถูกตีตัวออกห่างหลังน้องพลอยจับได้ว่ามีเมียแล้ว
สำหรับความคืบหน้า เมื่อวันที่ 14 ส.ค. นายวิชา ผลิผล อายุ 53 ปี นางพัชรี ปั้นทอง อายุ 51 ปี แม่ของน้องพลอย เดินทางมาบนเขากระบก บ้านหินซ้อน ต.หินซ้อน อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เพื่อดูจุดที่น้องพลอยถูกฆ่าและเผานั่งยาง โดยนางพัชรีร่ำไห้อยู่ตลอดเวลา
โดยนายวิชา กล่าวว่า หลังจากน้องพลอยหายตัวไป ก็ได้ติดตามหาตัว แต่ไม่รู้จะติดตามหาที่ไหนอย่างไร ก่อนได้เบาะแสว่าหายตัวไปหลังจากพบกับส.อ.พลกฤต จึงพยายามติดตามไปพบส.อ.พลกฤต โดยเคยเข้าไปหาถึงในค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ซึ่งได้เดินทางไปเพียงคนเดียว เพื่อหวังทำทุกอย่างเพื่อติดตามหาน้องพลอย แต่ก็ไม่พบตัว จึงได้ไปติดตามหาประวัติของส.อ.พลกฤต พบได้ไปทำบัตรประชาชนใหม่ที่จ.นคราชสีมา จึงได้เบาะแสว่า ส.อ.พลกฤตหลบหนีไปอยู่ที่โคราช
“ตลอด 3 ปี นึกถึงแต่ลูกตลอด และทำใจไว้แล้วไม่ว่าลูกจะอยู่จะตาย แต่ยังมีความหวังและความทุกข์ทรมานอยู่ในใจ แต่ตอนแรกหวังว่าลูกจะไปอยู่กับส.อ.พลกฤต ไม่นึกว่าเขาจะเหี้ยมกว่ามนุษย์ ไม่คิดว่าทหารจะทำกับคนรักเช่นนี้ ถือว่าเขาไม่ใจทหาร เพราะทหารต้องรักประชาชน”
นายวิชา กล่าวอีกว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่ทราบว่า ส.อ.พลกฤตมีลูกเมียแล้ว โดยเพิ่งทราบเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งยังแอบหวังว่าน้องพลอยยังมีชีวิตอยู่ โดยอาจถูกขังแล้วรอวันกลับมาหาพ่อแม่ แต่ที่ผ่านมาน้องพลอยไม่ติดต่อมา จึงคาดว่าลูกคงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ก่อนตำรวจจะติดตามมาว่าจับคนร้ายได้ และสารภาพเป็นคนฆ่าน้องพลอย ไม่คิดว่าส.อ.พลกฤตจะทำแบบนี้ ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยเจอส.อ.พลกฤต เคยแค่โทร.คุยกัน เนื่องจากตอนลูกยังมีชีวิตได้ส่งมือถือให้คุยว่าจะซื้อเสื้อมาให้
“พ่อไม่ได้ทอดทิ้งน้องพลอย พ่อตามหาและไม่รู้ลูกจะมาอยู่ตามป่าตามเขา พ่อรักและพยายามติดตามหา แต่ไม่นึกว่าผลจะเป็นแบบนี้ ต่อไปขอให้พลอยได้ไปดี พ่อยังรักและคิดถึงลูกเสมอ”
นางพัชรี กล่าวทั้งน้ำตาว่า “น้องพลอยแม่มาหาลูก แม่จะมารับกลับบ้าน ไม่ต้องอยู่คนเดียวอีกแล้ว กลับบ้านกัน แม่มาช่วยลูกแล้ว เดี่ยวกลับไปอยู่บ้านด้วยกัน เพื่อจะได้ใส่บาตรตอนเช้าด้วยกันเหมือนเดิม น้องพลอยทิ้งความทรงวจำดีๆไว้ให้พ่อแม่ เกิดชาติหน้าให้เกิดมาเป็นแม่ลูกกันอีก
ระหว่างนางพัชรีเดินทางมาดูจุดเผาศพ ได้ร่ำไห้ด้วยความเศร้าโศกเสียใจตลอด ก่อนจะเป็นลมล้มพับไปกับพื้นถนน โดยมีญาติเข้ามาช่วยพยุงร่างขึ้น เพื่อให้ตั้งสติ
นอกจากนี้จากการตรวจสอบจุดเผาศพบนเขากระบกเมื่อ 3 ปีก่อน เจ้าหน้าที่พบฟัน กระดูกซี่โครง โครงเศษยาง รวมถึงหลักฐานสำคัญเป็นเหล็กดัดฟันสีฟ้า เนื่องจากน้องพลอยชอบสีฟ้าและจะใช้ยางสีฟ้าเป็นเหล็กดัดฟันตลอดมา