เปิด…คำต่อคำ ลูกค้ากับอดีตพนักงาน เทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส นิคมลาดกระบัง
โต้เถียงกัน เหตุปมซื้อน้ำตาลเกิน 6 ถุงต่อครอบครัว ยืนยัน “ลูกค้าคือพระเจ้า พนักงานไม่มีสิทธิ์จะโต้เถียง” ด้านพนักงานระบุ โดนด่าว่า “เ…ย” ก่อน ไม่เคยเจอลูกค้านิสัยอย่างนี้ ล่าสุดพนักงานถูกไล่ออก ลูกค้าแจ้งความกับตำรวจ สน.ฉลองกรุงแล้ว
ในโลกโซเชียลได้มีการแชร์คลิปของผู้ใช้นามว่า Prapimpun Raya ได้ตำหนิถึงพฤติกรรมของพนักงานหญิงรายหนึ่ง ในร้านสะดวกซื้อเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส สาขานิคมลาดกระบัง ถนนฉลองกรุง แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ เล่าว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ย. เวลาประมาณ 09.00 น. สามีไปซื้อน้ำตาลทราย 6 ถุง เมื่อเห็นว่าทางร้านจำกัดจำนวน 6 ถุง ต่อ 1 ใบเสร็จ ต่อครอบครัว ก็ถามว่า ซื้อเพิ่มอีก 1 ถุงได้ไหม โดยอ้างว่าพนักงานบอกว่าได้ จึงนำน้ำตาลไปใส่จักรยาน และกลับมาซื้อต่อ อีก 1 ถุง
แต่พนักงานกลับกล่าวว่า ไม่ขาย เพราะไม่พอใจ และด่ากลับว่า หน้าด้าน สามีจึงถามว่า มาด่าตนทำไม ในเมื่อถามแล้ว ก็ตอบกลับว่า ไม่พอใจที่จะขายให้ ก่อนท้าทายให้สามีต่อยกัน จึงโต้เถียงกัน กระทั่งมีพนักงานชายรายหนึ่งขายให้ กระทั่งวันที่ 15 พ.ย. สามีกับพี่สาว ไปขอพบผู้จัดการร้านพร้อมกับซื้อสินค้า ได้พบกับพนักงานคนดังกล่าวอีกครั้ง ก่อนที่จะถ่ายคลิป ตนเห็นว่าเป็นการดูถูกครอบครัวจึงโพสต์คลิปขอความช่วยเหลือ ไม่ได้อยากสร้างความเสื่อมเสียให้โลตัส แต่เมื่อผู้จัดการร้านไม่ห้าม เราเลยอยาก ได้ความเห็นจากคนทั่วไป และเห็นว่า อย่าปล่อยให้พนักงานสันดานแย่ ที่ดูถูกคนจน เห็นว่าคนจนไม่มีสิทธิ์ซื้อของโลตัส
สำหรับเนื้อหาในคลิปดังกล่าว พบว่าพนักงานสาวรายดังกล่าวโต้เถียงกับลูกค้า โดยลูกค้าอ้างว่า “ที่มาซื้อสินค้าที่นี่เพราะถูกกว่าที่อื่นถึงต้องมาซื้อ เพราะทำการค้าขายเหมือนกัน ถ้าไปซื้อของแพงแล้วเรามาขาย ไม่ได้กำไรเราจะซื้อทำไม ในเมื่อเป็นพนักงานที่นี่ ของชิ้นนี้ก็ยังไม่คิด” พนักงานจึงตอบกลับ ยืนยันว่าคิดเงินแล้ว ราคายังคาเครื่องแคชเชียร์ แต่เงินยังไม่ได้จ่าย ก่อนจะถามลูกค้าว่า “อยากด่าอะไร หน้าหนัง… เมื่อวานด่าว่าเ…ยไม่ใช่เหรอ เป็นผู้ชายประสาอะไร หน้าตัว… ด่าคนอื่นเขาก่อน ต่อให้ผู้จัดการอยู่ก็ไม่กลัว”
ลูกค้าจึงด่าพนักงานว่า “เพราะคุณนิสัยอย่างนี้ไง นิสัยพนักงานที่นี่ไม่ใช่ เราก็อยากรู้ว่าโลตัสเขาไม่มีการอบรมพนักงานเพราะเราก็ซื้อของมาเยอะหลายที่ก็ไม่เคยเจอพนักงานนิสัยแบบนี้ พูดจาแบบนี้” พนักงานตอบกลับไปว่า “ก็ไม่เคยเจอลูกค้านิสัยอย่างนี้ เขามา เขาก็ไป” ลูกค้าจึงเถียงไปว่า “ก็ใช่ไง เรามาเราก็ไป เราไม่ได้นอนที่นี่ซะเมื่อไหร่ล่ะ การขายของคุณ คือคุณตกลงแล้วไง” พนักงานจึงกล่าวว่า “คนอื่นเขามา บอกว่าไม่ได้ ก็จบ”
ลูกค้าจึงกล่าวว่า “ก็เราคือพ่อค้า เราก็ต้องการของที่เยอะ ถ้าคุณบอกว่าเราขายไม่ได้ คุณพูดดีๆ ก็ได้ ไม่ใช่ว่า กูไม่ขายให้มึง คุณก็จะเป็นเหมือนพนักงานอย่างนี้ไง” พนักงานจึงกล่าวว่า “ฉันไม่เป็นพนักงานฉันก็อยู่รอดได้” ลูกค้าถามว่า “แล้วทำไมคุณไม่ลาออกไป ในเมื่อคุณเก่ง คุณถึงได้ใช้คำกับลูกค้าแบบนี้ไง เพราะคุณถือ” พนักงานกล่าวว่า “ฉันไม่ง้อพวกแกไง” ลูกค้าจึงด่ากลับไปว่า “ปากแข็งแรงดีนะ” พนักงานกล่าวว่า “จะเอาให้ถึงตำรวจก็ได้” ลูกค้ากล่าวว่า “ไม่ต้องถึงตำรวจก็ได้ แค่มาดูหน้าตาว่า เออ พนักงานที่นี่เป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้น เราก็เป็นลูกค้าที่นี่ จะได้รู้ว่าลูกค้าเป็นแบบนี้ พนักงานเป็นแบบนี้ อยากจะแจ้งให้เจ้าของบริษัทรู้เหมือนกัน ในเมื่อคุณไม่พร้อมที่จะเป็นพนักงานรับบริการ คุณก็ลาออกไปแค่นั้นแหละ”
ลูกค้าอีกคนหนึ่งน้ำเสียงคล้ายคนมีอายุ กล่าวว่า “ผมซื้อทุกวัน ทุกวัน เปิดกล้องดูได้ทุกวัน เวลาเดียวทุกครั้งที่ผมมา” พนักงานกล่าวว่า “ก็ใช่ไง ถึงบอกไงว่าคุณกวนตีน” ลูกค้ากล่าวว่า เมื่อวานคุณบอกว่าเท่าไหร่ ผมก็บอกให้คุณนับ ทำไมคุณไม่อยากจะนับล่ะ” พนักงานถามว่า “เท่าไหร่อะไร” ลูกค้ากล่าวว่า “เอ้า อีกแล้วเห็นไหม สิ่งที่คุณทำมันไม่ดีกับบริษัทเขาหรอก คุณเชื่อผมเถอะ” พนักงานกล่าวว่า “สิ่งที่แกทำก็ไม่ได้ดีกับคนอื่นเขาหรอก ถ้าทำนิสัยอย่างนี้ไปซื้อของร้านอื่น อย่างร้านของชำ ป่านนี้คงโดนตีหัวแตกไปแล้ว ก็ลองไปสิ” ลูกค้ากล่าวว่า “ไหนอ่ะ ไหนอ่ะ ไปไหนอ่ะ ผมก็ไปทุกที่นะ ไม่เคยโดน เพราะผมไม่เคยทำสันดานเสียไง จริงๆ เชื่อผมเถอะ” ก่อนจะถามว่าผู้จัดการไปไหนแล้ว พนักงานพูดจาอย่างนี้ สงสัยจะอบรมกันดีมาก โตมาในครอบครัวที่ดีมาก อบอุ่นมาก ถึงได้ใช้นิสัยแบบนี้
พนักงานโต้กลับไปว่า “เติบโตมาแบบนี้ไง ถึงนิสัยแบบนั้น” ลูกค้ากล่าวว่า “ประสบความสำเร็จในชีวิตแน่ รับรองอาชีพนี้ คุณเจริญรุ่งเรือง” พนักงานโต้กลับไปว่า “อาชีพพวกคุณคงเจริญรุ่งเรืองจริงๆ” ลูกค้ากล่าวว่า “แน่นอน อยู่มาหลายสิบปีแล้ว” พนักงานกล่าวว่า “ก็ได้แค่นี้แหละ วันๆ ก็ขี่จักรยานมาซื้อ” ลูกค้ากล่าวว่า “ก็ใช่ไง จนไง มีแค่จักรยาน ใช่ไหม บ้านก็ต้องเช่า ก็ถึงต้องมาซื้อของถูกเพื่อมาขาย แต่ในเมื่อคุณมีเงิน มีตังค์ มาทำงานนี้ทำไม ทำงานบริการทำไม คุณทำงานบริการคุณก็ต้องมีจิตใจที่บริการสิ ไม่งั้นก็จะพูดเหรอว่าลูกค้าคือพระเจ้า” พนักงานกล่าวว่า “ลูกค้าไม่ใช่พระเจ้า” ลูกค้ากล่าวว่า “ก็เพราะอย่างนี้ไง ถึงไม่มีร้านค้าเป็นของตัวเอง เพราะถ้ามีร้านค้าเป็นของตัวเองคงเจ๊งไปนานแล้ว” พนักงานกล่าวว่า “แล้วทำไมต้องมีร้านค้าเป็นของตัวเองด้วย” ลูกค้ากล่าวว่า “ก็รวยไม่ใช่เหรอ มาเป็นลูกจ้างเขาทำไม” (หัวเราะ)
พนักงานกล่าวว่า “แล้วทำไมต้องเป็นลูกจ้าง มีร้านค้าเป็นของตัวเองด้วยเหรอถ้ารวย” ลูกค้ากล่าวว่า “เอ้า ก็รวยไงจะได้ไม่หยิ่ง ใครไม่ซื้อของกู กูไม่ขายไง แต่นี่คุณเป็นลูกจ้างเขา ในเมื่อคุณไม่ใช่เป็นเจ้าของ คุณไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธลูกค้า” พนักงานกล่าวว่า “แต่กูจะปฏิเสธลูกค้าแบบนี้” ลูกค้ากล่าวว่า “โอ้โหกู สองคำก็กู ความรู้มีแค่ไหนเนี่ย ห๊ะ” พนักงานกล่าวว่า “ก็มีพออย่างที่มึงมีนั่นแหละ” ลูกค้ากล่าวว่า “แล้วมึงพูดจาแบบนี้กับลูกค้าเนี่ยนะ” พนักงานกล่าวว่า “เออ” ลูกค้ากล่าวว่า “พ่อแม่รู้คงภูมิใจน่าดูเลย ลูกทำงานบริการแต่พูดจากับลูกค้ากูมึง” พนักงานกล่าวว่า “รู้ก็ไม่เป็นไรหรอก” ลูกค้ากล่าวว่า “ก็เขารู้แล้วว่าสันดานมันเสีย เขาคิดว่า…นี่ไม่น่าเกิดมาเลย กูไม่น่าเกิดเลย เสียความรู้สึก” พนักงานกล่าวว่า “กูเกิดมาแล้ว กูก็เสียดายเหมือนกัน” ก่อนที่ลูกค้าจะคุยกับพนักงานอีกคนเพื่อเคลียร์ค่าสินค้า โดยที่พนักงานอีกคนพยายามปลอบพนักงานที่โต้เถียงลูกค้าว่า ใจเย็นๆ สิ ลูกค้ากล่าวว่า “ไม่คุยคุณก็เรียกผู้จัดการ ทำไมลูกน้องคุณเป็นแบบนี้ สงสัยต้องอยากดังแน่ๆ เดี๋ยวจัดให้”
รายงานข่าวแจ้งล่าสุดว่า บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จํากัด ได้ให้พนักงานคนดังกล่าว พ้นสภาพการเป็นพนักงานแล้ว ขณะที่เจ้าของเฟซบุ๊กรายดังกล่าว ได้ลบคลิปไปแล้ว พร้อมกับกล่าวว่า อยากรู้ ให้มาถามที่สถานีตำรวจนครบาลฉลองกรุง เพราะเจ้าหน้าที่รับเรื่องแล้ว ถ้าจะขุดคุ้ย คิดให้ดี เพราะคนที่เสียหาย ก็คือน้องของตน หลักฐานพยานมีครบ เราให้เกียรติสามีพนักงานและให้เกียรติผู้ใหญ่ฝ่ายเทสโก้ โลตัสที่มาขอโทษ
พรุ่งนี้เช้า เราจะลบคลิปทุกอย่าง อยากรู้ ให้มาถามที่สถานีตำรวจฉลองกรุง เพราะเจ้าหน้าที่รับเรื่องแล้ว และถ้าจะขุดคุ้ย คิดให้ดี เพราะคนที่เสียหาย ก็คือน้อง หลักฐาน พยาน ชัดครบ เราให้เกรีติสามีน้องเค้า ให้เกียรติผู้ใหญ่ ฝ่ายโลตัส ที่มาขอโทษ
💥ส่วนคนที่เผือกแบบ ไร้วิจารณญาน อยากจะด่าอะไรก็เชิญ เพราะสามันสำนึก อยู่ที่ตัวเรารู้ใครถูกใครผิด