นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง กรณี กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กับ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) พรรคการเมือง มีความเห็นไม่ตรงกันประเด็นไพรมารีโหวต ว่า กฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญ จะออกมาอย่างไร หากมีสาระไม่ขัดต่อกฏหมายรัฐธรรมนูญนั้น ตนเองรับได้ และทุกภาคส่วนควรช่วยกันประคับประคองบ้านเมืองให้เดินไปตามโรดแม็ป เพื่อให้มีก้าวแรกก่อน แล้วค่อยๆ คลี่คลายปัญหาไปตามลำดับความเร่งด่วน
ส่วนกรณี ที่นายกรัฐมนตรี ใช้ ม.44 ให้สิทธิพิเศษแก่ประเทศจีนในโครงการรถไฟความเร็วสูง ว่า ไม่สบายใจและคิดว่าคนไทยส่วนใหญ่ก็ไม่สบายใจ เพราะ พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย ในกฏหมายรัฐธรรมนูญ และประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ไม่ควรมีการใช้อำนาจพิเศษตาม ม.44 ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรระมัดระวังอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังหมิ่นเหม่ต่อการขัดกับระบบนิติธรรม และกระทบต่อเกียรติภูมิของประเทศและจะส่งผลให้นานาประเทศที่มีเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูง ขาดโอกาสในการแข่งขัน ซึ่งจะส่งผลตามมาอย่างร้ายแรง คือ ประเทศไทยจะขาดความเชื่อมั่นในสังคมโลกว่ากระบวนการในระบบกฎหมายของไทยไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม โดยเฉพาะในการทำนิติสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ นายชวลิต ยังกล่าวด้วยว่า เคยเสนอความเห็นต่อสาธารณะไว้หลายครั้งว่า การจะแก้ปัญหาหลายๆ ปัญหาของประเทศ ต้องค้นหัวใจของปัญหาให้พบ ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าหัวใจของปัญหาของประเทศไทยในขณะนี้คือ ปัญหาการเมือง การปกครองที่ไม่เป็นประชาธิปไตยและไม่มีเสถียรภาพ ซึ่งต่างชาติมองทะลุปรุโปร่ง ว่าการเมือง การปกครองของประเทศไทยไม่มีเสถียรภาพ ความเชื่อมั่นจึงมีน้อย ทำให้โอกาสในการลงทุนจึงมีน้อยตามไปด้วย ดังนั้นจึงขอวิงวอนให้ทุกภาคส่วนร่วมกันสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกับประเทศให้เห็นหนทางว่าประเทศของจะเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์มีเสถียรภาพ เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยเร็วที่สุด