น้ำตา”ชาวนา” ไหลหลั่งพื้นนา “กลุ่มอิทธิพล”กร้าว กั้นรั้ว ปิดป้ายห้ามเข้า เข้าติดคุก ใช้รถแบ็คโฮ ขุดดินทำลาย นาที่ลงทุน ไถ หว่าน พังพินาศ แถมปิดน้ำ ชนิดปิดทุกทางไมให้ทำนา เพื่อ ทำบ่อดิน-บ่อทราย ทำลายทรัพยากรธรรมชาติยับเยิน ร้องหน่วยงานรัฐฯช่วยเมินเฉย ไร้ผล ครวญ…!!รังแกชาวนา อีกไม่ช้าต้องซื้อข้าวต่างชาติกินทั้งชาติ

ชาวนาครวญ รังแกชาวนา อีกไม่ช้าต้องซื้อข้าวต่างชาติกินทั้งชาติ

0
1848

         กลุ่มครอบครัว”ชาวนา”

กว่าสิบครอบครัว ของสองจังหวัด ทั้ง”จังหวัดนครปฐม” และ”จังหวัดราชบุรี ” หลั่งน้ำตาเข้าร้องทุกข์ได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส  ถูกกลุ่มผู้มีอิทธิพลทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย เข้าทำรั้วปิดกัน ขัดขวางการทำนา เย้ย!! รัฐบาลฯ คสช.” 

 กลุ่มครอบครัวชาวนากว่าสิบครอบครัว เข้าร้องทุกข์ต่อ “เครือข่ายยุติธรรม” และกองบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์รายวัน”ข่าวประเทศไทย” ว่าได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส ด้วยที่ทำนา ที่ทำกินของทุกครอบครัว ที่เคยเช่าที่นา บนเนื้อที่รวมกันจำนวนหลายร้อยไร่จากนายทุน ทำนากันมานานกว่า 17 ปี จู่ๆ ก็มีกลุ่มบุคคล ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล มาทำรั้วปิดกันทางเข้า-ออก ไม่ให้ชาวนาเหล่านี้เข้าไปทำนาได้ตามปกติ ทั้งๆที่ได้ลงทุน ลงแรง ไถ หว่านข้าว ปล่อยน้ำเข้านา เพื่อทำการปลูกข้าวแล้ว แต่กลุ่มผุ้แสดงตนเป็นผู้มีอิทธิพลนี้ ไม่เพียงแต่ทำรั้วปิดกั้นทางเข้า-ออก ของทุกด้านๆแล้วยังเอารถแบ็คโฮคันใหญ่ มาขุดดิน ถมลำน้ำ ปิดกั้นทางน้ำทั้งที่เป็นลำรางเดิมในพื้นที่ และที่หน่วยราชการและทางทัองถิ่นได้ขุดลำรางน้ำส่งเข้ามมาในพื้นที่ เพื่อเป็นการไม่ให้ชาวนามีน้ำเข้าไปได้ทำนาปลูกข้าวได้

         โดยจุดประสงค์ของกลุ่มอิทธิพลนี้ขุด5 ที่เข้ามารุกรานครอบครัวชาวนาในครั้งนี้ ก็ด้วยจะมาการขุดดิน-ขุดทราย เพื่อทำกิจการ ทำบ่อดิน และท่าทราย ทำธุระกิจขาย ดิน  หิน กรวดทราย โดยพละการทั้งๆที่ไม่มีใบอนุญาตใดๆ ในการทำธุระกิจ ขุดดินและขุดทรายเช่นนี้  อีกทั้งไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้าแต่อย่างใดในการจะเข้ามาทำธุระกิจนี้ จู่ๆก็มากระทำการดังกล่าว ชนิดที่ชาวนาที่เช่าที่ดินทำนาเหล่านี้ไม่ทราบมาก่อนเลย ตลอดทั้งชาวบ้าน ในละแวกนี้ก็ไม่มีใครทราบเรื่องนี้มาก่อนเลย เช่นกัน ซึ่งหากหน่วยงานราชการ หรือท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับการอนุญาตได้อนุญาตให้นายทุนประกอบกิจการนี้ให้กิจการดังกล่าวนี้ สมควรต้องมีการกระทำประชาพิจารณ์ เพราะมันเป็นการกระทบต่อความเป็นอยู่ในชุมชน ความสงบสุข ในการดำรงชีวิต และขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน และเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรของประเทศ และนอกจากนี้ ยังขัดต่อนโยบายของรัฐบาล คสช.ที่มุ่งช่วยเหลือ ชาวนา – เกษตร ได้มีที่ทำกิน และขัดต่อกฎหมาย พรบ.การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ซึ่งการบอกเลิกให้การเช่านาต้องแจ้งล่วงหน้า และให้เวลาชาวนามีระยะเวลาให้ทำนาได้ต่อไปตามระยะที่กำหนดใน พรบ.นี้ เพื่อที่ให้ ขาวนาได้ไปมีเวลาไปหาที่ทำนาทำกินต่อไปแต่กลุ่ม อิทธิพลนี้ไม่สนใจ ไม่แสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินนี้ ไม่มีการแจ้งล่วงหน้า และไม่ปฏิบัติตามกฎหมายของ พรบ.นี้ แต่อย่างใด แม้แต่จะมีการแจ้งเลิกการเช่าที่ดิน แล้วก็ต้องมีระยะเวลาให้ ชาวนาได้ทำนาต่อไปตามระยะเวลาหนึ่งแห่งกฎหมายที่กำนด ชาวนาจะได้มีเวลาหาที่ทำกินได้อย่างไม่ขาดตอน เพราะการไม่ได้ประกอบอาชีพทำนาในทันที ส่งกระทบต่อ ชีวิตและความเป็นอยู่ การดำรงชีพของชาวนาแต่ละครอบครัวของที่แต่ละครอบครัว มี พ่อ-แม่ ญาติ-พี่น้อง-บุตร-หลานที่ต้องดูแลตลอดทั้งมีค่าไช้จ่ายอย่างมากในแต่ละครอบครัวเหล่านี้เป็นอย่างยิ่ง ใช้ห้าม2

       กลุ่มครอบครัวชาวนา กล่าวด้วยน้ำตานองหน้า ว่า นี่!ขนาด เป็นรัฐบาล ที่ได้ชื่อว่า คสช. ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อ รัฐบาลฯนี้สูงมาก ต่อการปราบโกง คอรัปชั่น ทั้ง ข้าราชการ และคนโกงต่างๆ และไม่มีการใช้อิทธิพลในทางที่มิชอบได้ แต่ กลุ่มอิทธิพลนี้ กล้ากระทำการเช่นนี้ ดังประหนึ่งไม่ให้ความสำคัญ ต่อรัฐบาล คสช. นี้แต่อย่างใด จึงกล้ากระทำเช่นนี้ พวกเรา ชาวนา จะไปมีแรงอะไร ไปสู้รบตบมือกับเขา เขามาทำรั้วปิดกั้น เอาป้ายมาปิดห้ามเข้าจะถือว่าบุกรุก ยังมีการลงชื่อ ทนายความ พร้อมเบอร์โทร เสมือนเป็นการใช้ “ทนายความ”ใช้ความเป็นนักกฎหมายมาข่มขู่ชาวนา ที่ทั้งจน และอย่าว่าจะมีความรู้ด้านกฎหมาย แค่ความรู้ขั้นพื้นฐานยังไม่สูงเลย แต่กลุ่มอิทธิพลนี้กลับกล้ากระทำทำร้ายจิตใจ เข้าบุกรุกทำลายสินของของพวกเราที่ลงทุนทำนาไปแล้ว ทั้งค่าไถ-ว่าน-ดำ ตลอดทั้งค่าใช้จ่ายในการทำนาอื่นๆอีกมาก ทั้งปิดกันทางน้ำ ไปร้องขอความช่วยเหลือ จากทุกหน่วยงาน ของรัฐฯ แต่ไม่ได้รับการรับฟังและดำเนินการใดๆให้ ชาวนาไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงต้องมาร้องต่อ “เครือข่ายยุติธรรม” และทางหนังสือพิมพ์รายวัน”ข่าวประเทศไทย” เพราะไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งหน่วยงานของ รัฐฯในหน่วยงานใดได้ต่อไปอีกแล้ว

      เบื้องต้น ทางผู้รับเรื่องร้องเรียน ได้ลงไปตรวจสอบในพื้นที่ พบมีการทำรั้วปิดกั้น มีป้ายห้ามเข้า โดย ระบุทั้งชื่อ นามสกุล และเบอร์โทรศัพท์ของทนายความท่านหนึ่ง และมีการใช้รถแบ็คโฮ ขนาดใหญ่ขุดดิน  มีรถบรรทุก พ่วงขนาดใหญ่ขนดินวิ่งเข้า-ออก จำนวนมาก มีฝุ่นลอยตลบอบอวลคละคลุังไปทั่วบริเวณนั้น แม้แต่ผู้สังเกตุการณ์จะเข้าไป พร้อมเจ้าของที่ดินที่อยู่ในบริเวณนั้น ก็ปรากฎว่า มีการขัดขวางไม่ให้เข้าโดยใข้รถแบ็คโฮปิดกั้น และมีกลุ่มบุคคล นำรถมากั้นไม่ให้เข้า เป็นการรบกวนสิทธิการครอบครองอย่างโจ่งแจ้ง และได้รับคำเตือนว่าจากชาวบ้านในละแวกนั้น ให้ระวังกลุ่มบุคคลเหล่านี้มีการพกอาวุธปืนด้วย ซึ่งจะได้ดำเนินการในขั้นตอนต่อไป  พร้อมประสานกลุ่มอนุรักษ์ ทั้งกลุ่ม องค์กรเกษตร ต่างๆ  เพื่อให้กลุ่มครอบครัวชาวนาเหล่านี้ได้รับความเป็นธรรมต่อไป

 

728x90

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.