สถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น พ.ท.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ นายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดขอนแก่น ได้นำสื่อมวลชน 5 คน วันที่ 2 สิงหาคมเข้าพบพนักงานสอบสวน พร้อมให้ข้อมูลว่า กรณี นพ. เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบ้านไผ่ได้โพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์นำภาพที่ตนมอบเงินในโครงการทอดผ้าป่าช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ มากล่าวหาว่า ตนรับเงินจากนางระเบียบรัตน์ พงษ์พาณิชย์ จำนวน 5,000 บาท ซึ่งได้แจ้งความในข้อหาหมิ่นประสาทไปก่อนหน้านั้น และได้นำผู้สื่อข่าวหลายสำนักที่ไปทำข่าวและร่วมถ่ายภาพในวันนั้นมาเป็นพยานให้การต่อพนักงานสอบสวน เพื่อรักษาและปกป้องศักดิ์ศรีของสื่อมวลชน
พ.ต.ท. ถวัลย์ สุทาวรัตน์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมือง ที่กำกับและดูแลคดี กล่าวว่า คดีนี้น่าจะเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และประมวลกฏหมายอาญาความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และกำลังเร่งสอบพยาน เมื่อสอบพยานเรียบร้อยแล้วก็จะเชิญทาง นพ.เปรมศักดิ์ มารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป
สำหรับความคืบหน้ากรณี นพ.เปรมศักดิ์ ได้แจ้งความกลับผู้สื่อข่าวทั้ง 5 สำนัก ใน 3 ข้อหาคือกักขังหน่วงเหนี่ยว บังคับข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างอื่นอย่างใด และทำให้ตกใจกลัวนั้น พ.ท.พิสิษฐ์ กล่าวว่า ถือเป็นการเบี่ยงประเด็น ทั้งที่สังคมต้องการรู้ใน 2 ประเด็นสำคัญกรณีภาพถ่ายคู่หญิงสาว และได้ถอดกางเกงผู้สื่อข่าวจริงหรือไม่ ขณะนี้ทางสมาคมฯ กำลังปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ซึ่งให้คำแนะนำว่า สื่อมวลชนทั้ง 5 คนควรจะแจ้งความกลับในข้อหาแจ้งความเท็จและหมิ่นประมาท และกำลังอยู่ในระหว่างการปรึกษากันอยู่ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ด้านนายก่อสิทธิ์ กองโฉม ผู้สื่อข่าวอาวุโส หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ กล่าวว่า ตนได้ทราบแล้วว่าถูกทางด้านหมอเปรมแจ้งความกลับใน 3 ข้อกล่าวหา คือกักขังหน่วงเหนี่ยว บังคับข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างอื่นอย่างใด และทำให้ตกใจกลัวนั้น ตนไม่ได้หวั่นกลัวแต่อย่างได ยังมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมือง และทางต้นสังกัดของตนก็ได้มีทีมทนายสำหรับสู้คดีอย่างเต็มที่ ตนนั้นพร้อมทั้งกายและใจที่จะยืนหยัดสู้คดี เดินหน้าเต็มที่ไม่ถอย