นายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 คาดว่าจะเติบโตได้ประมาณร้อยละ 2.7 -2.8 ใกล้เคียงกับไตรมาสแรกที่เติบโตร้อยละ 2.7 โดยคาดหวังว่าจะมีปัจจัยบวกจากการลงทุนของภาครัฐ เพราะการบริโภคยังมีความเสี่ยงจากปัญหาภัยแล้งที่อาจจะรุนแรงมากขึ้น เแต่เชื่อว่ารัฐบาลจะมีมาตราการออกมาเพื่อประคับประคองการบริโภคไม่ให้ชะลอตัวและดูแลค่าครองชีพของประชาชนฐานราก
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้มีโอกาสที่จะขยายตัวต่ำกว่าร้อยละ 2 ได้ จากที่คาดการณ์ว่าโตร้อยละ 2.7 โดยปัจจัยเสี่ยงหลักมาจากปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะการส่งออกที่อาจหดตัวมากกว่าที่ร้อยละ 4 หากผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนรุนแรงกว่าที่คาด ดังนั้น รัฐบาลต้องดูแลเสถียรภาพให้สามารถประคับประคองเศรษฐกิจ ทั้งอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ยนโบาย ที่จะเก็บไว้ใช้ยามจำเป็น และเห็นว่าค่าเงินบาทยังมีความผันผวน จากสงครามค่าเงิน ซึ่งสิ่งที่ธปท.จะดำเนินการได้ คือการผ่อนคลายการลงทุนในต่างประเทศ และธปท.ไม่ควรเข้าไปแทรกแซงให้เงินบาทอ่อนค่าเพื่อสนับสนุนการส่งออก เพราะการแข่งขันด้านราคาเพียงอย่างเดียวไม่สามารถกระตุ้นการส่งออกได้ในภาวะการค้าโลกตกต่ำ ผู้ผลิตสินค้าส่งออกต้องปรับปรุงคุณภาพสินค้า และเพิ่มนวัตกรรมให้สินค้ามีความทันสมัยตรงตามอุปสงค์ของตลาดโลก
นางพิมลวรรณ มหัจฉริยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบต่อเนื่องจากไตรมาส 1 ทั้งปัญหาภัยแล้งที่กระทบรายได้เกษตรกร การส่งออกที่ยังหดตัวต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 3 เช่นการเติมเงินกองทุนหมู่บ้านก็ตาม เพื่อบรรเทาผลกระทบภัยแล้ง ดังนั้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 2 จึงยังไม่ชัดเจน คาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 1 และ 2 จะอยู่ที่ร้อยละ 2.8 โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง โดยหวังผลจากการเปิดประมูลโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ที่จะทำให้เกิดการหมุนเวียน และ กระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้เอกชนลงทุนตาม
ส่วนกำลังซื้อผู้บริโภค คาดว่าจะฟื้นตัวช้ากว่าการลงทุน เพราะกำลังซื้อยังอ่อนแอ เกษตรกร และ ผู้มีรายได้น้อยยังได้รับผผลกระทบจากเศรษฐกิจโดยรวมที่ชะลอตัว เช่นเดียวกับการส่งออกที่คาดว่ายังหดตัว ตามทิศทางราคาน้ำมัน และ ราคาสินค้าเกษตร รวมทั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจในภูมิภาค.