เด้งสารวัตรสืบภาค 2 พร้อมลูกน้อง เกินคาด………จับร้าน”คาราโอเกะ”แล้วยัดเยียดข้อหาค้ากาม..แต่เจอตอ เด้ง!!ทันควัน
เกี่ยวกับกรณีที่ น.ส.ปะระนิสา ไชยนาพาณิชย์กุล อายุ 36 ปี เจ้าร้านคาราโอเกะนางฟ้า ถนนพัทยาสาย 3 หมู่ 9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.พิทักษ์ เนินแสง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อให้ดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.นราวุธ การามหิโต สว.กก.1.บก.สส.ภาค 2 และ ร.ต.ท.จตุภุมิ ลิ้มศิริวัฒนกุล สังกัด กก 1.บก.สส.ภาค 2 พร้อมพวกอีก 5 คน หลังเข้าตรวจค้นและพยายามแจ้งข้อหาค้าประเวณีและไม่มีใบอนุญาตเปิดสถานบริการ
ซึ่งน.ส.ปะระนิสา ไชยนาพาณิชย์กุล ได้แจ้งความกลับในข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขัง ร่วมกันพยายามกรรโชกทรัพย์ ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ซึ่งต่อมา พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมทั้งรายงานไปยัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.จนมีการสั่งสอบข้อเท็จจริงแล้ว
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 19.30 น.ของวันที่ 14 ก.ค. ขณะที่ น.ส.ปราณี พลอยรัมน์ พนักงานเปิดแผ่น(ดีเจ) ร้านนางฟ้าคาราโอเกะ กำลังนั่งเล่นภายในร้าน ได้มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน พร้อมสั่งเครื่องชูกำลัง 1 ชวด และเดินเข้าไปถามน.ส.ชนิดา โชคเจริญ พนักงานเสิร์ฟ ว่า มานั่งรอเพื่อรับแขกหรือ พร้อมกับชวนคุยว่าหากรับว่าค้าประเวณีจะให้เงิน 2,000 บาท แต่น.ส.ชนิดา ปฏิเสธ พร้อมทั้งบอกว่าร้านนี้ไม่มีค้าประเวณี ชายคนดังกล่าวจึงเดินเข้าไปหา น.ส.ปราณี พลอยรัมน์ พร้อมยื่นเงินใส่มือให้ 2,000 บาท โดยไม่บอกว่าเป็นค่าอะไร น.ส.ปราณี เกิดเอะใจต้องมีเหตุการณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้น
จึงเดินไปหา น.ส.ชนิดา พร้อมได้พูดคุยว่าน่าจะมีเหตุการณ์ที่ไม่ดีขึ้นแน่ และทันใดนั้นเอง ได้มีชายฉกรรจ์อีก 4 คน บุกจู่โจมเข้ามา ทราบชื่อ พ.ต.ท.นราวุธ การามหิโต สว.กก.1 บก.สส.ภาค 2 และ ร.ต.ท.จุตภูมิ ลิ้มศิริวัฒนกุล พร้อมพรรคพวกอีก 4 คน เดินเข้ามาประชิดตัว ซึ่ง ร.ต.ท.จตุภูมิ ลิ้มศิริวัฒนกุล ได้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปเงินที่ น.ส.ปราณี กำไว้ในมือ พร้อมขู่บังคับให้อยู่ในอาการสงบ และบังคับให้โทรศัพท์หา น.ส.ปะระนิสา ไชยนาพาณิชย์กุล ให้เดินทางมาที่ร้าน ซึ่ง พ.ต.ท.นราวุธ แจ้งข้อหาว่าคุณถูกจับในข้อหาค้ามนุษย์และค้าประเวณี ซึ่ง น.ส.ปะระนิสา ได้สอบถามถึงหลักฐานว่าเงินล่อซื้ออยู่ที่ไหนกับใคร กลุ่มตำรวจก็ได้ชี้ไปที่ตัว น.ส.ปราณี ทันที
ต่อมา น.ส.ปะระนิสา จึงโทรศัพท์ไปหา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ว่าขณะนี้มีตำรวจใต้บังคับชาซึ่งไม่ทราบว่าอยู่หน่วยไหนกลั่นแกล้งจับกุม ผบ.ตร.จึงขอสายกับตำรวจชุดจับกุม แต่ พ.ต.ท.นราวุธ ไม่ยอมคุย แต่พูดว่า ถ้าเป็นผบ.ตร.จริง ให้โทรศัพท์ไปหา พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร ผบก.ภ.จว.ชลบุรี และยังหาว่า น.ส.ปะระนิสา เป็นบ้าพูดโทรศัพท์อยู่คนเดียว พล.ต.อ.จักรทิพย์ จึงบอกให้เปิดโฟนเพื่อให้ได้ยินเสียง แต่สุดท้ายแล้วสารวัตรสังกัด บก.สส.ภ.2 คน ก็ยังไม่เชื่อว่าเป็น ผบ.ตร. ทั้งๆ ที่ได้ยินเสียงจากปลายสายแล้ว
พร้อมสั่งให้ลูกน้องใส่กุญแจมือผู้ต้องหาเพื่อเดินทางไปที่ สภ.เมืองพัทยา เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา แต่ น.ส.ปะระนิสา ไม่ยอม ทาง พ.ต.ท.นราวุธ จึงเงื้อมือทำท่าจะตบ น.ส.ปะระนิสา บอกว่าที่ร้านมีกล้องวงจรปิด พ.ต.ท.นราวุธ เลยไม่ทำอะไร ก่อนคุมตัวทั้งหมดขึ้นรถปิกอัพ 4 ประตู ยี่ห้อเชฟโรเล็ต ไม่ทราบเลขทะเบียน ระหว่างที่กำลังจะขึ้นรถ มีตำรวจคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า เรื่องนี้เคลียร์กันได้แต่ต้องมีค่าใช้จ่าย 2-3 หมื่นบาทก็จบ ระหว่างนั้นมีสายโทรเข้ามาที่มือถือของ น.ส.ปะระนิสา พร้อมแนะนำตัวว่าคือ พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ซึ่งได้รับคำสั่งให้มาดูแลเรื่องนี้ และขอให้เปิดโฟนพูดคุยกับหัวหน้าชุดจับกุม แต่สารวัตรรายนี้กลับบอกว่าไม่ใช่เสียงนายกู
ทาง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี จึงวางสายไป ส่วนตำรวจที่ชื่อดาบหมูได้ตะโกนขึ้นมาว่า เดี๋ยวบอกว่าเป็นผู้การ เดี๋ยวบอกว่าเป็น ผบ.ตร.โทรมา ถ้าเป็น ผบ.ตร.จะเอาชื่อลงบันทึกประจำวัน ว่า ผบ.ตร.ช่วยเหลือผู้กระทำผิด และจะเอา ผบ.ตร.ออกจากราชการด้วย ระหว่างนั้นมีสายโทรเข้าที่เครื่องมือถือของ พ.ต.ท.นราวุธ เจ้าตัวจึงรับสาย เลยทราบความจริงว่า คนที่โทรเข้าเครื่องของ น.ส.ปะระนิสา เป็นผู้การชลบุรีตัวจริง จากนั้นจึงรีบสั่งให้ลูกน้องปล่อยตัวผู้ต้องหา พร้อมกับขึ้นรถขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
ในเวลาต่อมา น.ส.ปะระนิสา เห็นว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ต.พิทักษ์ เนินแสง สารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองพัทยา กระทั่งเมื่อวันที่ 15ก.ค. พล.ต.ท.ธเนตร์ พิณเมืองงาม ผบช.ภ.2 ได้มีคำสั่งที่ 170/2559 สั่งย้าย พ.ต.ท.นราวุธ การามหิโต สว.กก.1 บก.สส.ภ.2 กับลูกน้องในชุดจับกุม ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร.ภ.2 โดยขาดจากต้นสังกัดเดิม พิจารณาดำเนินการต่อไป