เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วยนักสังคมสงเคราะห์ บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ลงพื้นที่สอบข้อเท็จจริง กรณี นางเพียบ ภรรยาของอดีตของข้าราชการครูคนหนึ่ง ซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านกระสังสามัคคี ต.สามแวง อ.ห้วยราช ได้บุกเข้าไปทำร้าย น้องเติ้น อายุ 8 ขวบ นักเรียนชั้น ป.2 ถึงในบ้านเมื่อช่วงเย็นของวันเสาร์ที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งใช้กิ่งมะยมฟาดขาจนกิ่งมะยมหัก ใช้มือตบปาก ใบหน้า ดึงหู กระชากจนศรีษะเด็กไปโขกกับเสาบ้าน ต่อหน้าต่อหน้านางอุไร อายุ 53 ปี ผู้เป็นยาย และพี่สาวของน้องเติ้น แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยเพราะต่างตกใจและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งยังมีการพูดข่มขู่ว่า “จะฆ่าทิ้งก็ได้นะ เสียเงินไม่เกินแสน”
โดยจากการสอบถามน้องเติ้นและยาย ต่างบอกตรงกันว่าได้ถูก นางเพียบ ภรรยาอดีตข้าราชการครูทำร้ายจริง เพียงเพราะสาเหตุที่นางเพียบไม่พอใจน้องเติ้นที่ไปแลบลิ้นใส่ จึงตามมาทำร้ายถึงบ้าน ซึ่งหลังจากที่ลงพื้นที่สอบข้อเท็จจริงจากหลาน และยายแล้ว ก็จะได้สอบถามข้อมูลจากนางเพียบ และผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ อีกครั้งเพื่อให้ได้ข้อมูลรอบด้าน เพื่อรวบรวมข้อมูลเสนอผู้บังคับบัญชา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยอาจจะมีการพูดคุยไกล่เกลี่ยทำความเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย เพื่อยุติความขัดแย้งที่อาจจะบานปลายได้
จากการสอบถาม น้องเติ้น เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองกับเพื่อนได้ไปล่นอยู่หน้าบ้านของ ป้าเพียบ ซึ่งห่างจากบ้านตัวเองไม่ไกล ยอมรับว่าตนกับเพื่อนได้เล่นเกมปลาเป็นปลาตายกันอยู่ แล้วตนกับเพื่อนก็มีการเต้นส่ายก้นไปมาแล้วแลบลิ้นจริง แต่ไม่รู้ว่าจะทำให้ป้าเพียบ โมโหแล้วจะตามมาทำร้ายตนเองถึงในบ้าน ทั้งใช้กิ่งมะยมฟาดขา มือตบปา ดึงหู และกระชากจนศีรษะโขกกับเสาบ้านจนหัวโน
ด้านนางอุไร ยายของน้องเติ้น บอกว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และที่ไม่ได้เข้าไปช่วยหลานเพราะตอนนั้นกำลังตกใจและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาถึงได้ตามมาตีหลานแบบไม่ยั้งมือถึงในบ้าน แต่อย่างไรก็ตามการกระทำของนางเพียบ ถือว่าเกินกว่าเหตุ หากหลานทำอะไรไม่เหมาะสม ก็น่าจะต่อว่าตักเตือน หรือบอกกับตนเองรับทราบ จะได้อบรมสั่งสอนหรือพาหลานไปไหว้ขอโทษ ไม่ควรจะทำรุนแรงกับเด็กเพียง 8 ขวบได้ถึงขนาดนี้ หัวอกคนเป็นยายที่เลี้ยงหลานมาตั้งแต่เด็กก็รับไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้อยากให้เรื่องราวบานปลาย
ส่วนจะแจ้งความเอาผิดหรือไม่นั้นก็ต้องรอ หารือกับลูกสาวซึ่งเป็นแม่ของน้องเติ้น ที่กำลังจะเดินทางกลับมาจากทำงานที่จ.นครราชสีมา อีกครั้ง แต่ส่วนตัวก็ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับหลานของตัวเองหรือเด็กคนอื่นอีก