วันที่ 5 มิถุนายน ที่กองบังคับการตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ศูนย์ราชการ อาคารบี ถนนแจ้งวัฒนะ พล.ต.ต.กรไชย คล้ายคลึง ผบก.ปคม. พ.ต.อ.มานะ กลีบสัตบุศย์ รอง ผบก.ปคม. พ.ต.อ.อังกูร คล้ายคลึง รอง ผบก.ปคม. เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ องค์กรทำดี และชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม แถลงจับกุม น.ส.ฐานิต ปรีชาเลิศ หรือนางโมนา หรือโมน่า อายุ 48 ปี ชาวกรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 968/2559 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม และ น.ส.สุภรัตน์ ปราบคนชั่ว หรือนางจอย อายุ 45 ปี ชาว จ.อุดรธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1034/2559 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม ใน 3 ข้อหา ตามความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ร.บ.ป้องกันละปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี และหากเป็นการค้ามนุษย์ข้ามชาติโทษจะเพิ่มขึ้นสองเท่าครึ่ง
พล.ต.ต.กรไชยกล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมพาแม่ของ น.ส.พิมพา (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี มาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน บก.ปคม.ว่า น.ส.พิมพาถูกลักพาตัวไป ถูกบังคับให้ค้าประเวณีตามโรงแรมหลายแห่งกลางกรุงมานามา ประเทศบาห์เรน บก.ปคม.ได้ส่งข้อมูลไปยังกรมการกงสุล เพื่อประสานไปยังสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำบาห์เรน และในวันเดียวกันตำรวจมานามา ประเทศบาห์เรน ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่เอกอัครราชทูตไทยประจำบาห์เรน เข้าช่วยเหลือ น.ส.พิมพาและหญิงไทยคนอื่นๆ รวม 6 คน ที่ถูกบังคับให้ไปค้าประเวณีที่เมืองมานามา จากนั้นทางสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำบาห์เรนได้ช่วยเหลือหญิงไทยทั้ง 6 คน กลับมาที่ประเทศไทยแล้วมาร้องทุกข์ตามระเบียบกับพนักงานสอบสวน บก.ปคม.
พล.ต.ต.กรไชยกล่าวต่อว่า จากการสอบสวน น.ส.พิมพาและเหยื่อหญิงไทย ทราบว่าผู้ที่เป็นธุระจัดหาบังคับให้ค้าประเวณีที่กรุงมานามา คือ น.ส.ฐานิต ปรีชาเลิศ หรือนางโมนา หรือโมน่า อายุ 48 ปี ส่วน น.ส.สุภรัตน์ ปราบคนชั่ว หรือนางจอย อายุ 45 ปี เป็นผู้ที่ทำหน้าที่หลอกลวงผู้เสียหายไปส่งให้กับ น.ส.ฐานิต ต่อมาวันที่ 4 มิถุนายน ได้เดินทางจากประเทศบาห์เรนมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เจ้าหน้าที่จึงนำหมายจับเข้าจับกุมตัว และจับกุมตัว น.ส.สุภรัตน์ ได้ที่ อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี สำหรับพฤติการณ์ของขบวนการนี้จะมีนางนกต่อที่มีประสบการณ์เดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศจะส่งเงินกลับมาให้ทางบ้าน ซื้อรถหรือทรัพย์สินอื่น แต่งกายภูมิฐาน จะเข้ามาชักจูงชวนเชื่อให้เหยื่อไปทำงานที่ต่างประเทศอ้างว่ามีรายได้ดี ทำงานเพียงหนึ่งเดือนก็สามารถปลดหนี้ได้ บางรายนำภาพการทำงานที่ดีมาประกอบการชักจูง อีกทั้งยังเป็นธุระในการติดต่อดำเนินการส่งเหยื่อไปต่างประเทศ โดยอ้างว่าไม่มีค่าใช้จ่าย ทำให้เหยื่อหลงเชื่อและยอมไปทำงานด้วย
น.ส.ฐานิตกล่าวว่า ตนประกอบอาชีพเป็นแม่ค้าขายอาหารเป็นหลัก ทราบเพียงว่าที่ดังกล่าวเป็นร้านนวดแต่รายละเอียดอื่นๆ นั้นไม่ทราบ เพราะประเทศบาห์เรนมีหลายโซน ไม่รู้ว่ามีหญิงไทยมาค้ามนุษย์จำนวนเท่าไหร่ ที่รู้จักกับผู้เสียหายเพราะผู้เสียหายได้ฝากให้ซื้อข้าวของเครื่องใช้เท่านั้น
น.ส.สุภรัตน์เปิดเผยว่า มีฐานะยากจนและเป็นเครือญาติกับผู้เสียหาย ทั้งนี้ไม่เคยเดินทางไประเทศบาห์เรน ไม่รู้จักกับ น.ส.ฐานิต และไม่รู้จักกับนายหน้าในประเทศบาห์เรนด้วย
พล.ต.ต.กรไชยกล่าวอีกว่า นอกจากประเทศบาห์เรนแล้ว ยังมีประเทศอื่นเช่นประเทศเกาหลี ที่ถูกจับตาดูขบวนการนี้ โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีในการแลกเปลี่ยนข้อมูล และมีมาตรการตามกฎหมายในการปิดกั้นไม่ให้ขบวนการค้ามนุษย์และหญิงไทยที่เดินทางไปต่างประเทศเพื่อประกอบอาชีพหมอนวดอีก ในวันพรุ่งนี้ (6 มิ.ย) จะเป็นวันต่อต้านการค้ามนุษย์ บก.ปคม.ขอประกาศสงครามกับการค้ามนุษย์ในทุกรูปแบบ และจะทำงานร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการปราบปรามป้องกันการค้ามนุษย์ โดยหลังจากนี้ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมจะต้องถูกตรวจสอบจะมีการยึดทรัพย์สิน ซึ่งจะทำงานร่วมกันกับ ปปง. ในการตรวจสอบเส้นทางการเงินของขบวนการนี้ที่ผ่านมาสามารถยึดทรัพย์ได้จำนวน 200 ล้านบาท หากพบเบาะแสการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน ปคม. 1191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2558 จนถึงวันที่ 5 มิถุนายน 2559 บก.ปคม.มีผลการจับกุมคดีค้ามนุษย์และคดีอื่นๆ รวมจำนวน 2,511 คดี ผู้ต้องหา 3,130 คน
ที่กองบังคับการตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ศูนย์ราชการ อาคารบี ถนนแจ้งวัฒนะ พล.ต.ต.กรไชย คล้ายคลึง ผบก.ปคม. พ.ต.อ.มานะ กลีบสัตบุศย์ รอง ผบก.ปคม. พ.ต.อ.อังกูร คล้ายคลึง รอง ผบก.ปคม. เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ องค์กรทำดี และชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม แถลงจับกุม น.ส.ฐานิต ปรีชาเลิศ หรือนางโมนา หรือโมน่า อายุ 48 ปี ชาวกรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 968/2559 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม และ น.ส.สุภรัตน์ ปราบคนชั่ว หรือนางจอย อายุ 45 ปี ชาว จ.อุดรธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1034/2559 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม ใน 3 ข้อหา ตามความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ร.บ.ป้องกันละปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี และหากเป็นการค้ามนุษย์ข้ามชาติโทษจะเพิ่มขึ้นสองเท่าครึ่ง
พล.ต.ต.กรไชยกล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมพาแม่ของ น.ส.พิมพา (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี มาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน บก.ปคม.ว่า น.ส.พิมพาถูกลักพาตัวไป ถูกบังคับให้ค้าประเวณีตามโรงแรมหลายแห่งกลางกรุงมานามา ประเทศบาห์เรน บก.ปคม.ได้ส่งข้อมูลไปยังกรมการกงสุล เพื่อประสานไปยังสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำบาห์เรน และในวันเดียวกันตำรวจมานามา ประเทศบาห์เรน ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่เอกอัครราชทูตไทยประจำบาห์เรน เข้าช่วยเหลือ น.ส.พิมพาและหญิงไทยคนอื่นๆ รวม 6 คน ที่ถูกบังคับให้ไปค้าประเวณีที่เมืองมานามา จากนั้นทางสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำบาห์เรนได้ช่วยเหลือหญิงไทยทั้ง 6 คน กลับมาที่ประเทศไทยแล้วมาร้องทุกข์ตามระเบียบกับพนักงานสอบสวน บก.ปคม.
พล.ต.ต.กรไชยกล่าวต่อว่า จากการสอบสวน น.ส.พิมพาและเหยื่อหญิงไทย ทราบว่าผู้ที่เป็นธุระจัดหาบังคับให้ค้าประเวณีที่กรุงมานามา คือ น.ส.ฐานิต ปรีชาเลิศ หรือนางโมนา หรือโมน่า อายุ 48 ปี ส่วน น.ส.สุภรัตน์ ปราบคนชั่ว หรือนางจอย อายุ 45 ปี เป็นผู้ที่ทำหน้าที่หลอกลวงผู้เสียหายไปส่งให้กับ น.ส.ฐานิต ต่อมาวันที่ 4 มิถุนายน ได้เดินทางจากประเทศบาห์เรนมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เจ้าหน้าที่จึงนำหมายจับเข้าจับกุมตัว และจับกุมตัว น.ส.สุภรัตน์ ได้ที่ อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี สำหรับพฤติการณ์ของขบวนการนี้จะมีนางนกต่อที่มีประสบการณ์เดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศจะส่งเงินกลับมาให้ทางบ้าน ซื้อรถหรือทรัพย์สินอื่น แต่งกายภูมิฐาน จะเข้ามาชักจูงชวนเชื่อให้เหยื่อไปทำงานที่ต่างประเทศอ้างว่ามีรายได้ดี ทำงานเพียงหนึ่งเดือนก็สามารถปลดหนี้ได้ บางรายนำภาพการทำงานที่ดีมาประกอบการชักจูง อีกทั้งยังเป็นธุระในการติดต่อดำเนินการส่งเหยื่อไปต่างประเทศ โดยอ้างว่าไม่มีค่าใช้จ่าย ทำให้เหยื่อหลงเชื่อและยอมไปทำงานด้วย
น.ส.ฐานิตกล่าวว่า ตนประกอบอาชีพเป็นแม่ค้าขายอาหารเป็นหลัก ทราบเพียงว่าที่ดังกล่าวเป็นร้านนวดแต่รายละเอียดอื่นๆ นั้นไม่ทราบ เพราะประเทศบาห์เรนมีหลายโซน ไม่รู้ว่ามีหญิงไทยมาค้ามนุษย์จำนวนเท่าไหร่ ที่รู้จักกับผู้เสียหายเพราะผู้เสียหายได้ฝากให้ซื้อข้าวของเครื่องใช้เท่านั้น
น.ส.สุภรัตน์เปิดเผยว่า มีฐานะยากจนและเป็นเครือญาติกับผู้เสียหาย ทั้งนี้ไม่เคยเดินทางไประเทศบาห์เรน ไม่รู้จักกับ น.ส.ฐานิต และไม่รู้จักกับนายหน้าในประเทศบาห์เรนด้วย
พล.ต.ต.กรไชยกล่าวอีกว่า นอกจากประเทศบาห์เรนแล้ว ยังมีประเทศอื่นเช่นประเทศเกาหลี ที่ถูกจับตาดูขบวนการนี้ โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีในการแลกเปลี่ยนข้อมูล และมีมาตรการตามกฎหมายในการปิดกั้นไม่ให้ขบวนการค้ามนุษย์และหญิงไทยที่เดินทางไปต่างประเทศเพื่อประกอบอาชีพหมอนวดอีก ในวันพรุ่งนี้ (6 มิ.ย) จะเป็นวันต่อต้านการค้ามนุษย์ บก.ปคม.ขอประกาศสงครามกับการค้ามนุษย์ในทุกรูปแบบ และจะทำงานร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการปราบปรามป้องกันการค้ามนุษย์ โดยหลังจากนี้ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมจะต้องถูกตรวจสอบจะมีการยึดทรัพย์สิน ซึ่งจะทำงานร่วมกันกับ ปปง. ในการตรวจสอบเส้นทางการเงินของขบวนการนี้ที่ผ่านมาสามารถยึดทรัพย์ได้จำนวน 200 ล้านบาท หากพบเบาะแสการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน ปคม. 1191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2558 จนถึงวันที่ 5 มิถุนายน 2559 บก.ปคม.มีผลการจับกุมคดีค้ามนุษย์และคดีอื่นๆ รวมจำนวน 2,511 คดี ผู้ต้องหา 3,130 คน
ที่กองบังคับการตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ศูนย์ราชการ อาคารบี ถนนแจ้งวัฒนะ พล.ต.ต.กรไชย คล้ายคลึง ผบก.ปคม. พ.ต.อ.มานะ กลีบสัตบุศย์ รอง ผบก.ปคม. พ.ต.อ.อังกูร คล้ายคลึง รอง ผบก.ปคม. เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ องค์กรทำดี และชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม แถลงจับกุม น.ส.ฐานิต ปรีชาเลิศ หรือนางโมนา หรือโมน่า อายุ 48 ปี ชาวกรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 968/2559 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม และ น.ส.สุภรัตน์ ปราบคนชั่ว หรือนางจอย อายุ 45 ปี ชาว จ.อุดรธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1034/2559 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม ใน 3 ข้อหา ตามความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ร.บ.ป้องกันละปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี และหากเป็นการค้ามนุษย์ข้ามชาติโทษจะเพิ่มขึ้นสองเท่าครึ่ง
พล.ต.ต.กรไชยกล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมพาแม่ของ น.ส.พิมพา (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี มาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน บก.ปคม.ว่า น.ส.พิมพาถูกลักพาตัวไป ถูกบังคับให้ค้าประเวณีตามโรงแรมหลายแห่งกลางกรุงมานามา ประเทศบาห์เรน บก.ปคม.ได้ส่งข้อมูลไปยังกรมการกงสุล เพื่อประสานไปยังสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำบาห์เรน และในวันเดียวกันตำรวจมานามา ประเทศบาห์เรน ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่เอกอัครราชทูตไทยประจำบาห์เรน เข้าช่วยเหลือ น.ส.พิมพาและหญิงไทยคนอื่นๆ รวม 6 คน ที่ถูกบังคับให้ไปค้าประเวณีที่เมืองมานามา จากนั้นทางสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำบาห์เรนได้ช่วยเหลือหญิงไทยทั้ง 6 คน กลับมาที่ประเทศไทยแล้วมาร้องทุกข์ตามระเบียบกับพนักงานสอบสวน บก.ปคม.
พล.ต.ต.กรไชยกล่าวต่อว่า จากการสอบสวน น.ส.พิมพาและเหยื่อหญิงไทย ทราบว่าผู้ที่เป็นธุระจัดหาบังคับให้ค้าประเวณีที่กรุงมานามา คือ น.ส.ฐานิต ปรีชาเลิศ หรือนางโมนา หรือโมน่า อายุ 48 ปี ส่วน น.ส.สุภรัตน์ ปราบคนชั่ว หรือนางจอย อายุ 45 ปี เป็นผู้ที่ทำหน้าที่หลอกลวงผู้เสียหายไปส่งให้กับ น.ส.ฐานิต ต่อมาวันที่ 4 มิถุนายน ได้เดินทางจากประเทศบาห์เรนมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เจ้าหน้าที่จึงนำหมายจับเข้าจับกุมตัว และจับกุมตัว น.ส.สุภรัตน์ ได้ที่ อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี สำหรับพฤติการณ์ของขบวนการนี้จะมีนางนกต่อที่มีประสบการณ์เดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศจะส่งเงินกลับมาให้ทางบ้าน ซื้อรถหรือทรัพย์สินอื่น แต่งกายภูมิฐาน จะเข้ามาชักจูงชวนเชื่อให้เหยื่อไปทำงานที่ต่างประเทศอ้างว่ามีรายได้ดี ทำงานเพียงหนึ่งเดือนก็สามารถปลดหนี้ได้ บางรายนำภาพการทำงานที่ดีมาประกอบการชักจูง อีกทั้งยังเป็นธุระในการติดต่อดำเนินการส่งเหยื่อไปต่างประเทศ โดยอ้างว่าไม่มีค่าใช้จ่าย ทำให้เหยื่อหลงเชื่อและยอมไปทำงานด้วย
น.ส.ฐานิตกล่าวว่า ตนประกอบอาชีพเป็นแม่ค้าขายอาหารเป็นหลัก ทราบเพียงว่าที่ดังกล่าวเป็นร้านนวดแต่รายละเอียดอื่นๆ นั้นไม่ทราบ เพราะประเทศบาห์เรนมีหลายโซน ไม่รู้ว่ามีหญิงไทยมาค้ามนุษย์จำนวนเท่าไหร่ ที่รู้จักกับผู้เสียหายเพราะผู้เสียหายได้ฝากให้ซื้อข้าวของเครื่องใช้เท่านั้น
น.ส.สุภรัตน์เปิดเผยว่า มีฐานะยากจนและเป็นเครือญาติกับผู้เสียหาย ทั้งนี้ไม่เคยเดินทางไประเทศบาห์เรน ไม่รู้จักกับ น.ส.ฐานิต และไม่รู้จักกับนายหน้าในประเทศบาห์เรนด้วย
พล.ต.ต.กรไชยกล่าวอีกว่า นอกจากประเทศบาห์เรนแล้ว ยังมีประเทศอื่นเช่นประเทศเกาหลี ที่ถูกจับตาดูขบวนการนี้ โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีในการแลกเปลี่ยนข้อมูล และมีมาตรการตามกฎหมายในการปิดกั้นไม่ให้ขบวนการค้ามนุษย์และหญิงไทยที่เดินทางไปต่างประเทศเพื่อประกอบอาชีพหมอนวดอีก ในวันพรุ่งนี้ (6 มิ.ย) จะเป็นวันต่อต้านการค้ามนุษย์ บก.ปคม.ขอประกาศสงครามกับการค้ามนุษย์ในทุกรูปแบบ และจะทำงานร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการปราบปรามป้องกันการค้ามนุษย์ โดยหลังจากนี้ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมจะต้องถูกตรวจสอบจะมีการยึดทรัพย์สิน ซึ่งจะทำงานร่วมกันกับ ปปง. ในการตรวจสอบเส้นทางการเงินของขบวนการนี้ที่ผ่านมาสามารถยึดทรัพย์ได้จำนวน 200 ล้านบาท หากพบเบาะแสการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน ปคม. 1191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2558 จนถึงวันที่ 5 มิถุนายน 2559 บก.ปคม.มีผลการจับกุมคดีค้ามนุษย์และคดีอื่นๆ รวมจำนวน 2,511 คดี ผู้ต้องหา 3,130 คน