ช่วงเวลา 15.30 น. วันที่ 11 ก.ค.2559  พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. เปิดเผยความคืบหน้าคดีการคลี่คลายคดีการเสียชีวิตนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อดีตนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ว่า อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคลและหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะผลตรวจดีเอ็นเอที่ส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ  ส่วนกรณี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ผู้ต้องหาออกมาระบุไม่เคยให้ตำรวจเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอและไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่ไปเอาตัวอย่างดีเอ็นเอมาจากไหนนั้น ซึ่งประเด็นนี้ขอชี้แจงว่า การตำรวจมีหลักฐานชัดเจนโดยตัวอย่างดีเอ็นเอของ พ.ต.ท.บรรยิน ซึ่งทางพนักงานสอบสวน สน.อุดมสุข และ พฐ. ได้เก็บไว้แล้วก่อนหน้านี้โดยขูดจากกระพุ้งแก้ม เมื่อครั้งให้ปากคำคดีอุบัติเหตุที่ สน.อุดมสุข ซึ่งเจ้าตัวอาจจะลืมว่า  เคยให้ตัวอย่างดีเอ็นเอไว้  ขณะที่ดีเอ็นเอของ น.ส.อุรชา  วชิรกุลฑล หรือป้อนข้าว โบรกเกอร์สาว หนึ่งในผู้ต้องหาคดีโอนหุ้นของนายชูวงษ์ ตำรวจกองปราบปรามได้ขอตรวจแต่ปรากฏว่า ทางเจ้าตัวไม่ยินยอมจึงได้นำดีเอ็นเอจากวัตถุพยานอื่นๆมาเปรียบเทียบ  ส่วนจะเป็นอะไรไม่ขอเปิดเผย

ผกก.1 บก.ป. กล่าวต่อว่า การตรวจสอบรถปอร์เช่ สีดำ ทะเบียนป้ายแดง ศ 9972 กทม. ซึ่งเป็นรถที่  น.ส.อุรชา ใช้ขับออกมาจากเขาใหญ่ หลังตำรวจกองปราบปรามจับกุม พ.ต.ท.บรรยิน ขณะนี้ได้ประสานไปยังพ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญญา ผกก. 2บก.ป. ให้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลกับทางกรมการขนส่งว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร หลังพบว่า  ทะเบียนป้ายแดงเลขดังกล่าวมีผู้ใช้อยู่แล้ว และไม่มีตรา ขส. ทั้งนี้ได้นำรถคันดังกล่าวมาเก็บไว้ที่กองบังคับการปราบปราม เพื่อรอตรวจอย่างละเอียด หากพบว่า มีความผิดก็จะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาทันที

จากข่าว ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ยืนยันว่า ก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ ของ พ.ต.ท.บรรยิน  ไว้แล้ว จากการขูดกระพุ้งแก้ม และของใช้ อาทิ หวี แปรงสีฟัน รวมถึงเส้นผม รวมถึงของ น.ส.อุรชา ด้วย ส่วนดีเอ็นเอเด็กอ่อนวัย 3 เดือนลูกสาวของ  น.ส.อุรชา ได้จากการที่ตำรวจกองปราบปรามเข้าตรวจค้นบ้านพัก น.ส.อุรชา หมู่บ้านบางกอกบลูเลอวาร์ด ย่านพระราม 9 ที่ผ่านมา ขณะที่ตัวอย่างดีเอ็นเอของนายชูวงษ์  ก็มีการเก็วไว้ก่อนหน้านี้ โดยนำมาตรวจเปรียบเทียบกับตัวอย่างเพื่อหาความสัมพันธ์  โดยมีเอกสารรายงานผลตรวจอย่างเป้นทางการระบุว่า ดีเอ็นเอ ของ พ.ต.ท.บรรยิน และเด็กหญิงวัย 3 เดือน ซึ่งเป็นลูกของ น.ส.อุรชา ตรงกัน  โดยตรงกับ พ.ต.ท.บรรยิน และ น.ส.อุรชา ซึ่งหมายความว่า บุคคลทั้งสองเป็นบิดา มารดา เพราะผลตรวจดีเอ็นเอ ของ น.ส.อุรชา  และเด็ก มีความสัมพันธ์ตรงกันแบบมารดาและบุตร นอกจากนี้ในท้ายเอกสารได้ระบุว่า  ดีเอ็นเอของนายชูวงษ์และเด็กหญิงวัย 3 เดือนไม่ตรงกันจึงบอกได้ว่า ไม่มีความสัมพันธ์กัน เมื่อมีการยันเช่นนี้แล้วต่อจากนี้ “บรรยิน”ยังจะฟ้องสื่ออีกหรือเปล่า?