ภัย!!!..แฝง-หน้าหนาว “เชื้อโรต้า” ไม่มียารักษา ถึงขั้นอาจเสียชีวิต “ดารา”ดัง..ฝากเตือน

เชื้อ Rotavirus อาการท้องเสียถ่ายเหลวรุนแรงมาก หลายครั้ง มีอาเจียนร่วมด้วย รวมทั้งมีไข้และปวดท้อง เสียน้ำและเกลือแร่กว่าจะหายใช้เวลา 5 - 10 วัน

0
2697

ท่ามกลางความระเริงโต้ลมหนาวเมื่อถึงฤดูหนาว

รวมไปถึงแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว แต่กลับมีอีกสิ่งหนึ่งที่พากันคึกคักเงียบๆไม่แพ้กัน นั่นก็คือโรคระบาดในฤดูหนาว และคือเชื้อ Rotavirus หรือไวรัสโรต้า ขณะนี้มีการเตือนส่งต่อผ่านแอปพลิเคชันไลน์เกี่ยวกับการระบาดของโรค

กระทั่งล่าสุด คนในวงการบันเทิง ก็ถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อ รับน้ำเกลืออย่างด่วน จากทั้งที่เดิมที่ส่วนมากมักพบในเด็กเล็กแต่เดี๋ยวนี้ แม้แต่ผู้ใหญ่ก็ยังไม่เว้น

อินสตาแกรม@nusbapunnakanta ของนักแสดงสาวมากฝีมือ “นุส – นุสบา ปุณณกันต์” เผยให้เห็นถึงอาการป่วยครั้งนี้ เธอโพสต์ภาพของตัวเองที่นอนอย่างหมดเรี่ยวแรง พร้อมกับสายน้ำเกลือที่ห้อยระโยงระยาง อยู่บนเตียงของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง พร้อมกับคำบรรยายภาพที่ระบุว่าตนเองถูกไวรัสโรต้าเล่นงาน ซ้ำยังไม่มียารักษาอีกด้วย!

“ขออนุญาตแจ้งข่าวเรื่อง ขณะนี้โรคท้องเสียกำลังระบาดจาก เชื้อ Rotavirus อาการท้องเสียถ่ายเหลวรุนแรงมาก หลายครั้ง มีอาเจียนร่วมด้วย รวมทั้งมีไข้และปวดท้อง เสียน้ำและเกลือแร่กว่าจะหายใช้เวลา 5 – 10 วัน สัมผัสเชื้อได้ทั่วไปโดยที่เราไม่รู้ตัว อาจล้างมือไม่สะอาด ได้รับเชื้อโดยสัมผัสวัตถุปนเปื้อนหรือบริโภคอาหาร& เครื่องดื่มที่ติดเชื้อ หมอบอกว่าไม่มียาแก้ท้องเสียตัวนี้ ต้องให้อุจจาระถ่ายออกมาเรื่อยๆ จนกว่ามันจะหยุดเอง ป้องกันโดยล้างมือให้สะอาดบ่อยๆ นะคะ อันตรายมากๆ ค่ะ ติดต่อทางสัมผัส ดูแลสุขภาพนะคะ นุสร่วงไปคนหนึ่งแล้ว”

 คำตอบที่ชัดเจน

“ศิริวลัยย์ มณีศรีเดช”หัวหน้ากลุ่มโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ สำนักโรคติดต่อทั่วไป กระทรวงสาธารณสุข ที่ว่าไม่มียารักษาจริงหรือไม่ และควรป้องกันตัวเองอย่างไร เพื่อไม่ให้ป่วยตามนักแสดงสาวรายนี้

“ตามที่ได้ยินว่าเชื้อไวรัสไม่มีการรักษา ก็เป็นการอธิบายที่ถูกค่ะ ปกติเชื้อไวรัสทุกชนิด มันจะเป็นธรรมชาติของเชื้อไวรัส มันจะไม่มียาเฉพาะเจาะจงในรักษานะคะ เพราะฉะนั้นเชื้อไวรัสทุกชนิด เราก็จะรักษาประคับประคองอาการ มันจะมีคอร์สของการรักษาเฉพาะอยู่

เชื้อโรต้ามันเป็นฤดูกาลการระบาดของมันอยู่แล้วค่ะ เพียงแต่ว่าทุกปีมันจะเกิดส่วนใหญ่ในกลุ่มเด็ก แต่มาปีนี้มาพบในผู้ใหญ่ เลยต้องมีการทบทวนและเช็กข้อมูลว่ามีอะไร และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ มันยังมีความสับสนอยู่ในสื่อโซเชียลฯ คำตอบจะได้หลังการประชุมผู้เชี่ยวชาญที่จะมีขึ้นเร็วๆ นี้ค่ะ

สถิติข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา

กรมควบคุมโรค รายงานพบผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงตลอดปี 60 จำนวน 985,544 ราย เสียชีวิต 4 ราย ในจำนวนนี้เป็นการป่วยในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี จำนวน 226,909 ราย คิดเป็นร้อยละ 23 ของผู้ป่วยทั้งหมด และเสียชีวิต 3 ราย และจากข้อมูลที่ผ่านมาพบว่า มักเกิดจากการติดเชื้อไวรัสโรต้า และมีแนวโน้มในปัจจุบันเริ่มพบในผู้ใหญ่มากขึ้น

สำหรับการป้องกันตัวเอง

หัวหน้ากลุ่มโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ ได้ฝากคำแนะนำไปยังบ้านที่มีเด็กเล็กและผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจติดไวรัสดังกล่าวได้ง่าย ว่าควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง ก่อนและหลังเข้าห้องน้ำ รวมถึงกินอาหารที่ปรุงสุกสะอาด และที่สำคัญหากป่วยขึ้นมาแล้ว ต้องไม่ลืมดื่มเกลือแร่ เพื่อทดแทนน้ำที่ร่างกายเสียไปหลังการขับถ่าย“โรคนี้ติดต่อผ่านทางอาหารและน้ำเป็นหลัก รวมถึงทางเดินหายใจด้วยที่มันจะปนมาคือ ในกลุ่มเด็กเล็กเราจะต้องระวังมากเลย ของเล่นเด็ก เพราะว่าเด็กเขาจะอึ หรือว่าเขาจะมีเสมหะ น้ำมูก น้ำลายมาถูกมือถูกตัว แล้วเด็กก็ไปเล่นของเล่น เอาเข้าปาก มันก็จะแพร่และติดเชื้อได้ง่าย ส่วนในกลุ่มผู้สูงอายุก็เช่นเดียวกัน เพราะว่ากลุ่มนี้มีภูมิคุ้มกันโรคต่ำอยู่แล้วโดยธรรมชาติ ก็จะต้องระวังเรื่องของการกินของร้อนสุกสะอาด แล้วก็การล้างมือก่อนเข้าห้องน้ำ หลังเข้าห้องน้ำ ก่อนรับประทานอาหาร เป็นสิ่งสำคัญค่ะ

ถ้าติดเชื้อตัวนี้ไปแล้ว อันดับแรกคือในเรื่องของการดูแลตัวเอง เพราะมันจะเป็นเรื่องของการขับถ่าย คนที่อาการรุนแรงถึงขั้นช็อกหรือเสียชีวิตเกิดจากการขาดน้ำ ก็จะต้องทดแทนตรงนี้ด้วยการดื่มผงน้ำตาลเกลือแร่ค่ะ คือถ่ายออกเท่าไหร่ ก็ชดเชยด้วยเกลือแร่ จะเป็นการปฐมพยาบาล และดูแลอาการได้ดีที่สุดค่ะ

แต่สิ่งที่จะต้องระมัดระวังคือ ผู้เสียชีวิตจะไม่ได้เสียชีวิตจากไวรัส แต่จะทรุดลงและเสียชีวิตจากการขาดน้ำ ขาดเกลือแร่ พอคนไข้ขาดน้ำมากๆ ก็จะเกิดภาวะช็อกและไตวายได้ค่ะ เพราะฉะนั้นการรักษาเบื้องต้น ถ้ามีอาการถ่ายเหลว 3 – 5 ครั้งขึ้นไป รู้สึกเพลีย ต้องรีบทำน้ำตาลเกลือแร่มาดื่มชดเชยไว้เลย ถ้าอาหารไม่ดีขึ้น มีไข้ หรืออาการทรุดลง ซึมลง ต้องรีบนำส่งแพทย์ เพราะอาจจะได้รับเกลือแร่จากการดื่มไม่เพียงพอ อาจจะต้องให้น้ำเกลือชดเชยค่ะ เข้าทางเส้นเลือด ซึ่งมันก็จะเร็วกว่าค่ะ”

ยิ่งกินยาแก้ท้องเสีย ยิ่งทรุด!

จากข้อมูลข้างต้น โดยเจ้าหน้าที่จากกระทรวงสาธารณสุข ทำให้ทราบว่า การติดเชื้อ Rotavirus ไม่มียารักษา แต่ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบัน ก็ยังมีนวัตกรรมเกี่ยวกับยาแปลกๆ ใหม่ๆ ออกมาเสมอ และตัวล่าสุดที่เป็นที่พูดถึงอย่างมากในขณะนี้ คือ “ยาห้ามอึ” จากแดนอาทิตย์อุทัย

จากกรณีที่โลกโซเชียลฯ ได้มีการแชร์ภาพ “ยาห้ามอึ” จากประเทศญี่ปุ่น ที่อ้างสรรพคุณว่า เหมาะสำหรับผู้ที่มักปวดอึในเวลาคับขัน เพียงแค่โยนใส่ปาก อมให้ยาละลาย อาการปวดท้องก็จะหายเป็นปลิดทิ้ง ซึ่งภาพยาดังกล่าว มีผู้แชร์ไปแล้วกว่า 15,000 ครั้ง จนมีหลายคนอยากให้เปิดพรีออเดอร์และฝากหิ้วยาตัวนี้กับผู้ที่อยู่ประเทศญี่ปุ่นกันรัวๆ

ความเห็น “จ่าพิชิต” เจ้าของเพจดัง “Drama – Addict” ซึ่งเคยเป็นบุคลากรในวงการแพทย์ และกำลังติดตามเรื่องนี้อยู่ ก็ได้คำตอบว่า ยาตัวนี้ไม่ได้ทำให้อึในท้องหายไป หากแต่ช่วยอาการท้องเสียแบบเฉียบพลันเท่านั้น และไม่แนะนำผู้ป่วยจากอาการท้องเสียติดเชื้อกินเป็นอันขาด เพราะจะยิ่งทำให้อาการแย่ลงกว่าเดิม“ต้องเข้าใจก่อน ยากลุ่มนี้ไม่ใช่ยาห้ามอึ  มันเป็นยาที่ทำให้หยุดท้องเสียเฉียบพลัน เพราะว่าโดยตัวยาของมัน เป็นสารสกัดจากสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการลดการบีบตัวของลำไส้ ซึ่งมันจะเป็นตัวเดียวกับที่เอาไปสกัดทำยาแก้ปวดท้อง ตัวนี้มันจะใช้ตอนที่จำเป็นเร่งด่วน อย่างต้องเดินทางไกลๆ หรือทำธุระ แต่ว่าเกิดท้องเสียพอดี ก็เลยกินให้มันหยุดชั่วคราวแค่นั้นเอง เป็นการใช้เฉพาะกิจเท่านั้น

การกินยาพวกนี้มันจะทำให้ลำไส้บีบตัวน้อยลง แล้วก็ทำให้เชื้อโรคอยู่ในลำไส้นานยิ่งขึ้น ก็อาจจะทำให้อาการหนักขึ้นได้ ถ้ามีอาการท้องเสียติดเชื้อในบางราย ก็จะต้องให้อึออกมาให้หมดไส้หมดพุงเลย พวกสารพิษ เชื้อโรคจะได้ออกมาให้หมด เพราะปกติท้องเสียเราไม่แนะนำให้กินยาหยุดถ่ายอยู่แล้วครับ ก็ควรดื่มน้ำเกลือแร่”

สอดคล้องกับสถานการณ์ของไวรัสโรต้าที่กำลังระบาดอยู่ในตอนนี้ หลายคนอาจจะไม่ทราบตัวว่ากำลังป่วยอยู่ และอาจเผลอกินยาประเภทยาแก้ท้องเสียเข้าไป ซึ่งตรงนี้จ่าพิชิตกล่าวถึงผลที่อาจเกิดขึ้นไว้ว่า อาจจะเกิดอาหารแน่นท้อง หรือมีไข้ร่วมด้วย พร้อมกับแนะนำให้กินอาหารปรุงสุก และพยายามล้างมือบ่อยๆ เพื่อช่วยลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสท้องเสียโรต้า

แอดมินเพจดัง ฝากเตือนไปยังผู้ที่คิดจะใช้ยาตัวนี้ให้ศึกษาให้ดี เพราะเป็นยาของประเทศญี่ปุ่นที่ไม่มีเอกสารกำกับเป็นภาษาอื่นๆ อีกทั้งคนที่คิดจะซื้อยาตัวนี้แบบพรีออร์เดอร์ก็ต้องเตรียมใจเข้าคุกไว้ด้วย เพราะการซื้อยาออนไลน์เป็นเรื่องผิดกฎหมาย

“ซื้อยาออนไลน์ผิดกฎหมายนะ มันตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว อีกอย่างยาญี่ปุ่น อย่าคิดว่ามันแรงกว่ายาไทย คือยาญี่ปุ่นเขาจะชอบเอาตัวยาแปลกๆ มาผสมกัน อย่างตัวนี้ก็ไม่ใช่ยาพิเศษหรือพิสดารอะไร มันเป็นสมุนไพรที่บ้านเราเมื่อก่อนก็เคยมีใช้มานานมาก

ยาแผนปัจจุบันที่เราใช้กัน พวกยาแก้ปวดเอย ยาหยุดถ่ายเอย มันก็เป็นสารสกัดจากสมุนไพรตัวนี้ ถึงซื้อมาก็อ่านไม่ออกอยู่ดีเพราะเป็นภาษาญี่ปุ่นหมด เพราะเขาไม่ได้เขียนฉลาก ข้อควรระวัง วิธีการใช้ยาเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาไทย เมื่ออ่านไม่ออกก็ไม่รู้ว่ามันใช้ยังไง” ดังนั้นต้องตระหนักให้มากในการที่จะใข้ยาที่ไม่สามารถจะมีความรู้-ความเข้าใจในการใช้รักษาและวิธีการใช้ยา อันจะเป็นอันตราย ถึงขั้น“เสียชีวิต“ได้

728x90

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.