“ปคม.”จับหนุ่มวัย 24 ปี ต้องหาคดีค้ามนุษย์ลูกชายเจ๊อ้อยเจ้าของคาราโอเกะดัง ที่หาดใหญ่ จ.สงขลา ร่วมกันหลอกเด็กสาวชาวลาวบังคับค้าประเวณี ขู่ถ้าไม่ทำจะส่งคนไปทำร้ายพ่อแม่ เด็กสาวจำยอมกจนตั้งท้อง หลบหนีขึ้นรถไฟหวังกลับลาว ตร.รถไฟพบไม่มีบัตร ส่งตม.หนองคายสอบสวน ขยายผลจนได้รู้ความจริง จึงส่งเรื่องให้ บก.ปคม.รับดำเนินการจับกุม ยังมีอีกราย บุกช่วยแรงงานชาวเมียนมา ถูกหลอกมาบังคับทำงานในเรือประมงที่ จ.ปัตตานี
เมื่อ เวลา 11.00 น. วันที่ 14 ก.ค. กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) พล.ต.ต.กรไชย คล้ายคลึง ผบก.ปคม. พร้อมด้วยพ.ต.อ.อังกูร คล้ายคลึง รอง ผบก.ปคม. พ.ต.อ.มานะ กลีบสัตบุศย์ พ.ต.อ. พิรัตน์ นาสมวาส รอง ผบก. และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.6 บก.ปคม. ร่วมแถลงผลจับกุมนายทศพล หรือเจ ภาชีศัพท์ อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1050/2559 ลงวันที่ 2 มิ.ย.59 ตามความผิดพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551, พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 และพ.ร.บ.เด็ก พ.ศ.2546
พล.ต.ต. กรไชยกล่าวว่า สืบเนื่องจากประมาณต้นเดือนมี.ค.57 น.ส.หวาน หรือหล้า (สัญชาติลาว) ได้พานางสุนีย์ หรือเจ๊อ้อย โสดารส และนายพิสุทธิชัย หรือเณร โสดารส ซึ่งเป็นคนไทยและเป็นเจ้าของร้าน “อ้อยคาราโอเกะ” ที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ไปที่ประเทศลาวพร้อมชักชวนน.ส.น้อย (สัญชาติลาว) ซึ่งขณะนั้นอายุประมาณ 12-13 ปี ให้มาทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารของตัวเอง อ้างว่าจะมีรายได้เดือนละ 9,000 บาท โดยมีน.ส.หวาน เป็นคนจัดทำเอกสารการเดินทางให้ทั้งหมด และพาน.ส.น้อย เข้ามายังประเทศไทยผ่านทางด่านตรวจคนเข้าเมือง จ.หนองคาย ก่อนมาส่งที่สถานีขนส่งหมอชิต จากนั้นนายทศพล หรือเจ ภาชีทรัพย์ ซึ่งเป็นลูกชายเจ๊อ้อย ขับรถมารับและพาเดินทางต่อมายังร้านคาราโอเกะดังกล่าว
พล.ต.ต. กรไชยกล่าวอีกว่า เมื่อมาถึงร้านอาหาร น.ส.น้อยถูกเจ๊อ้อยบังคับให้ขายบริการทางเพศ อ้างว่ามีการโอนเงินให้กับพ่อแม่ไปแล้วเป็นเงิน 20,000 บาท น.ส.น้อยยอมทำงานรับแขกใช้หนี้โดยไม่ได้รับเงิน แต่กลับเป็นหนี้เพิ่มขึ้นจนถึงหลักแสนบาท รวมทั้งถ้าไม่ทำงานจะถูกทำร้ายร่างกายและขู่จะไปฆ่าพ่อแม่อีกด้วย น.ส.น้อยขายบริการชั่วคราวได้ 1,500 บาท ค้างคืน 3,000 บาท ซึ่งจะมีนางพร (ไม่ทราบนามสกุลจริง) ทำหน้าที่เชียร์แขกและเป็นผู้นำเงินส่งเจ๊อ้อยอีกที
“ต่อ มา น.ส.น้อยเกิดตั้งครรภ์ และใช้ความสงสารหลบหนีออกมาได้สำเร็จ ก่อนขึ้นรถไฟจากสถานีหาดใหญ่ เดินทางต่อมายังจ.หนองคาย โดยไม่มีเอกสารติดตัวตำรวจรถไฟหนองคาย ตรวจพบ จึงประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย ร่วมสอบสวนจนทราบความจริง พร้อมส่งไปยังบ้านนารีสวัสดิ์ จ.นครราชสีมา ดูแลช่วยเหลือและแจ้งให้ทางปคม.รับเรื่องมาดำเนินการ” ผบก.ปคม.กล่าว
พล.ต.ต. กรไชยกล่าวต่อว่า จากการสอบสวนผู้เสียหายในคดีนี้ พนักงานสอบสวน กก.6บก.ปคม. ได้ขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหา 4 ราย คือ 1.นางสุนีย์ หรือเจ๊อ้อย โสดารส 2.นายพิสุทธิชัย โสดารส 3.นายทศพล ภาชีทรัพย์ และ 4.นางพร ต่อมาเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวนางสุนีย์หรือเจ๊อ้อย กับนายพิสุทธิชัย เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ส่วน นายทศพล จับกุมได้ล่าสุด วันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สำหรับนางพร อยู่ระหว่างหลบหนี เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหานายทศพล ตามความผิดพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551, พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 และพ.ร.บ.เด็ก พ.ศ.2546 ก่อนนำตัวไปดำเนินคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ บก.ปคม.ได้แถลงผลจับกุมขบวนการค้ามนุษย์โดยแสวงหาผลประโยชน์จากการบังคับใช้ แรงงาน 4 ราย ประกอบด้วย นายก้องเกียรติ เพียรแสวงบุญ (สัญชาติไทย) นา
งอัน นายคานเมน และนายโบโบ (สัญชาติเมียนมา) ซึ่งถูกส่งดำเนินการฝากขังต่อศาลจังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.กรไชยเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจ กก.6บก.ปคม. รับการประสานจากเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาประจำประเทศไทย ขอให้ช่วยเหลือแรงงานชาวเมียนมาที่ถูกหลอกมาทำงานที่จ.ปัตตานี จากนั้น วันที่ 10 ก.ค. เจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานได้เข้าช่วยเหลือลูกเรือประมงสัญชาติเมียนมาได้ หลายราย ก่อนดำเนินคดีกับผู้ต้องหา 2 ราย จากการสอบสวนผู้เสียหายทราบว่าถูกหลอกมาทำงานที่กรุงเทพฯ โดยผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดระนอง แต่กลับพามาจ.ปัตตานี ก่อนส่งลงเรือประมงและอ้างว่าให้ค่าจ้างเดือนละ 9,000 บาท แต่สุดท้ายถูกบังคับใช้งานบนเรือ กระทั่งผู้เสียหายแอบโทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือ และสุดท้ายได้ประสาน เจ้าหน้าที่ดำเนินการช่วยเหลือสำเร็จ โดยเบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหา ตามความผิดพ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551, พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522, พ.ร.บ. จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528
