นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ว่า ยังมีความมั่นใจถึงเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตเกินร้อยละ 3 แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะมีปัญหากระทบกับการส่งออกของไทยจนหลายหน่วยงานประเมินว่า การส่งออกของไทยปีนี้จะขยายตัวติดลบ และจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ไม่ถึงร้อยละ 3 แต่ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้มาจากหลายปัจจัย นอกจากการส่งออก โดยกระทรวงการคลัง ยังมองว่า การลงทุนภาครัฐและภาคเอกชนต้องทำให้ได้ตามเป้าหมาย โดยได้ตั้งเป้าการลงทุนโครงการต่างๆ ของภาครัฐทั้งหมดในปีนี้ไว้ที่ 130,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มเม็ดเงินเข้าสู่ระบบและเสริมประสิทธิภาพของประเทศขณะเดียวกัน ยังต้องเร่งให้ภาคเอกชนเกิดลงทุน เพราะมีสัดส่วนที่สูงกว่าการลงทุนของภาครัฐ ทำให้ที่ผ่านมา รัฐบาลออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนเป็นจำนวนมาก ขณะที่การลดดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ ช่วยส่งผลให้ต้นทุนของผู้ประกอบการถูกลง และกระตุ้นการลงทุนเพิ่มขึ้น
ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นออกมาตรการเพิ่มเติม เพื่อเติมเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ หากจะมีการออกมาตรการ ควรที่จะมุ่งเน้นในการช่วยกลุ่มคนที่ได้รับความยากลำบาก และยืนยันว่ามีงบประมาณเพียงพอที่จะดำเนินการ ขณะที่มาตรการอสังหาริมทรัพย์ เรื่องลดค่าธรรมเนียมและจดจำนองที่จะสิ้นสุดในเดือน เม.ย.นี้ ยังไม่มีแนวคิดขยายเวลามาตรการดังกล่าว เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่ประสบปัญหาแล้ว อีกทั้ง รัฐบาลได้ทำบ้านประชารัฐเพื่อช่วยคนที่ลำบากมีรายได้น้อยให้มีบ้านเพื่ออยู่อาศัย ซึ่งเป็นมาตรการที่จะช่วยกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่อง
ขณะที่ความคืบหน้าการตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์) วงเงิน 1 แสนล้านบาท ขณะนี้ ได้หารือการจัดตั้งกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แต่ต้องรอความพร้อมการคัดโครงการเข้ามาอยู่ในกองทุน เพื่อไม่ให้การระดมเงินมาแล้ว ไม่มีโครงการที่จะใช้เงิน ทำให้มีภาระต้นทุนโดยเปล่าประโยชน์