นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง. ว่า ที่ประชุมมีมติตรึงราคาขายปลีกแก๊สแอลพีจีในเดือนพฤษภาคม 2559 ไว้ที่ 20.29 บาทต่อกิโลกรัม พร้อมให้มีผลในวันที่ 3 พ.ค.59 ตั้งแต่เวลา 05.00 น. หลังจากพิจารณาภาพรวมราคาต้นทุนแอลพีจีไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก รวมถึงให้มีการปรับลดอัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 12 สตางค์ต่อกิโลกรัม มาอยู่ที่ 59 สตางค์ต่อกิโลกรัม เพื่อลดภาระการชดเชยของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับแอลพีจี โดยสถานะของกองทุนน้ำมันล่าสุดอยู่ที่ 44,815 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีแอลพีจี 7,623 ล้านบาท และบัญชีน้ำมันสำเร็จรูป 37,192 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมได้เห็นชอบให้ปรับแผนระบบรับส่งและโครงสร้างพื้นฐานก๊าซธรรมชาติเพื่อความมั่นคง โดยในส่วนของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ แอลเอ็นจี มีกรอบรวม 6 โครงการ อาทิ โครงการคลังรับแอลเอ็นจีแห่งที่ 2 จังหวัดระยอง ซึ่งอยู่ระหว่างรอข้อสรุปจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. ว่าจะอนุมัติให้สร้างคลังขนาด 5 ล้านตัน ใช้งบลงทุนเท่าใด โดยให้ บริษัท ปตท. เป็นผู้ดำเนินการ เพื่อลดระยะเวลาในการคัดเลือกผู้ลงทุน เนื่องจากโครงการดังกล่าวมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2565 รวมถึงโครงการขยายกำลังการแปรสภาพแอลเอ็นจีของคลังฯ ที่อำเภอมาบตาพุด อีก 1.5 ล้านตัน มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2562 ให้ ปตท. รับไปดำเนินการเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในการเดินหน้าทั้ง 6 โครงการ เป็นผลมาจากการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเกิดความล่าช้า ไม่สามารถดำเนินการได้ตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า หรือ พีดีพี 2015 ทำให้กระทรวงพลังงานต้องปรับเพิ่มปริมาณความต้องการใช้ก๊าซเป็น 5,653 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
